Rolex Submariner 2020 สรุปประเด็นหลักของความเปลี่ยนแปลง

เมื่อมองดูแค่หน้าตาภายนอกหลายคนอาจจะสงสัยว่า Rolex Submariner 2020 ที่เพิ่งเปิดตัวออกมานั้นมีความเปลี่ยนแปลงตรงไหน และอย่างไร ? วันนี้ Ana-Digi จะขอสรุปเรื่องราวเหล่านี้ให้ผู้อ่านได้รับทราบกันครับ

Rolex Submariner 2020 สรุปประเด็นหลักของความเปลี่ยนแปลง

แน่นอนว่าเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา แวดวงนาฬิกาถือว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เพราะ โรเล็กซ์ ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่นใหม่สำหรับปี 2020 ออกมาหลังจากที่ต้องเลื่อนมาจากช่วงเวลาเดิมเพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19 และที่ต้องบอกว่าได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกนั้น เพราะหนึ่งในรุ่นที่เปิดตัวคือ Submariner ใหม่ หรือ Rolex Submariner 2020 ที่แฟนๆ นาฬิกาทั่วโลกต่างจับตามอง

ในรุ่นใหม่ที่เป็น MY2020 นั้นมีความเปลี่ยนแปลงมากมาย แม้ว่าเมื่อมองผ่านๆ แล้วหลายคน โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับนาฬิกาอาจจะบอกว่า ไม่เห็นมันจะเปลี่ยนอะไรเลย แต่เชื่อเราะเถอว่า Rolex Submariner 2020 นั้นมีความเปลี่ยนแปลงหลายจุดจากรุ่นเดิม

ตัวเรือน : มีอยู่ 2 จุดใหญ่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่า Submariner 2020 นั้นได้รับการขยายขนาดตัวเรือนเพิ่มขึ้นอีก 1 มิลลิเมตร จาก 40 มิลลิเมตรเป็น 41 มิลลิเมตร แต่เหนืออื่นใดในเรื่องของรูปทรงและรายละเอียดของรูปทรงตัวเรือนก็มีการเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของขาสายซึ่งมีลักษณะที่เพรียวและสอบขึ้นมีการโค้งรับกับข้อมือมากขึ้น ส่วนความกว้างขาสายก็เปลี่ยนจาก 20 มิลลิเมตรมาเป็น 21 มิลลิเมตร และอีกจุดคือ การออกแบบตัวเรือนที่ทำหน้าที่เป็น Crown Guard ที่มีความโค้งมนละลงตัวมากขึ้น โดยที่ความสูงของตัวเรือนยังอยู่ในระดับ 12.5 มิลลิเมตร และอีกจุดคือ ความกว้างขาสายที่เปลี่ยนจาก 20 มาเป็น 21 มิลลิเมตร ทุกรุ่นโดดเด่นด้วยขอบหน้าปัด Cerachrom ผลิตจากวัสดุผสมเซรามิก ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี แคปซูลพรายน้ำบนมาร์คเกอร์เลขศูนย์ช่วยในเรื่องการอ่าน ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่มืดมิดเพียงใด ขอบโค้งมนผ่านงานออกแบบเป็นพิเศษเพื่อการยึดเกาะที่เป็นเลิศขณะอยู่ใต้น้ำแม้สวมถุงมือ

สีสันและวัสดุ : สีมาตรฐานอย่างสีดำทั้งหน้าปัดและขอบตัวเรือนยังถือเป็นรุ่นมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว แต่สำหรับ Line-Up ที่เกิดขึ้นในปี 2020 กับความเปลี่ยนแปลงคือ การเข้ามาของสีสันใหม่ๆ และที่ถูกพูดถึงคือ Kermit ที่เคยผลิตขายในระหว่างปี 2003-2010 โดยรุ่นนี้จะมากับหน้าปัดสีดำ และสเกลบนของตัวเรือนจะมากับสีเขียว โดย โรเล็กซ์ จับเอาเจ้า Kermit กลับเข้ามาใส่ในคอลเล็กชั่นปี 2020 กับรหัส Ref.126610LV ราคา 327,600 บาท ส่วนอีกรุ่นคือ ตัวเรือนทองคำขาว 18K หน้าปัดดำ สเกลขอบตัวเรือนสีน้ำเงิน กับ รหัส Ref.126619LB ที่มีราคา 1,360,800 บาท

หน้าปัด : เช่นเดียวกับรายละเอียดของรูปทรง บนหน้าปัดยังมีดีไซน์ที่คล้ายกัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ การปรับปรุงตามจุดต่างๆ เช่น พรายน้ำที่ใช้เทคโนโลยี Chromalight เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มการมองเห็นในสภาพแวดล้อมอันมืดมิด ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญสำหรับนักดำน้ำ ประกอบกับรูปทรงของเข็มแสดงชั่วโมงในรูปทรงที่เรียบง่าย เช่น สามเหลี่ยม วงกลม สี่เหลี่ยม รวมถึงเข็มแสดงชั่วโมงและนาทีที่กว้าง ซึ่งจะช่วยให้ทำการอ่านเวลาได้ทันที และสามารถเชื่อถือได้เพื่อป้องกันความสับสนขณะอยู่ใต้น้ำ โดยระดับการกันน้ำยังเท่าเดิมที่ 300 เมตร ส่วนอีกจุดที่อาจจะไม่ได้สังเกตคือ ใต้หลักชั่วโมงในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ตรงคำว่า Swiss Made นั้น ในรุ่นใหม่จะมีสัญลักษณ์มงกุฎของ โรเล็กซ์ เข้ามาแทรกกลางระหว่าง 3 คำนี้

กลไก : กลไกที่ขับเคลื่อน Submariner ใหม่นั้นเป็นรหัสใหม่ In-House 3230 โดยจะเข้ามาแทนที่รหัส 3130 สำหรับรุ่น No Date และส่วน 3235 สำหรับรุ่น Date นั้นเป็นกลไกที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 แล้ว ทั้ง 2 รหัสเดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้ง/ชั่วโมง มีความเที่ยงตรงที่เรียกว่า Superlative Chronometer (ผ่านการทดสอบและรับรองทั้งจากของ COSC และ โรเล็กซ์) มีความคลาดเคลื่อน -2/+2 วินาทีต่อวัน พร้อมใยนาฬิกาหรือ hairspring สีฟ้าที่เรียกว่า Parsachrom สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้ และสามารถสำรองพลังงานได้ 70 ชั่วโมง

อีกสิ่งที่ปรับปรุงคือมีการใช้ชุด Escapemant แบบใหม่ที่เรียกว่า Chronergy Escapement มีการลดความหนาของ Pallet ถึงครึ่งหนึ่งแต่ให้ประสิทธิภาพในการสัมผัสกับเฟือง Escape Wheel เพิ่มขึ้นถึงเท่าตัวช่วยเพิ่มการทำงานได้ดีขึ้น 15%

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/