OMEGA Speedmaster ทำตลาดมานานนับตั้งแต่ปี 1957 และมีการเปิดตัวหลายรุ่นหลายแบบออกสู่ตลาด ภายใต้ชื่อเดียว ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่บรรดานักสะสมอาจจะงงหรือไม่ทราบคือ แต่ละรุ่นต่างกันตรงจุดไหนบ้าง วันนี้ เราเลยนำข้อมูลการเปรียบเทียบของ OMEGA Speedmaster 3 รุ่น มานำเสนอเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับแฟนๆ ของ Moonwatch

OMEGA Speedmaster Moonwatch เปรียบเทียบความต่างรุ่นดั้งเดิมและปัจจุบัน

- Advertisement -

ถ้าคุณไม่ใช่นักสะสมหรือเนิร์ดที่ลงลึกในแง่ของเรื่องราว OMEGA Speedmaster Professional หรือที่บรรดานักสะสมชอบเรียกว่า Moonwatch แล้ว บอกได้เลยว่ายากที่จะสัมผัสความต่างในแง่ของรุ่นปกติที่วางขายอยู่ในท้องตลาด เพราะนับจากเปิดตัวในปี 1957 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน หน้าตาของนาฬิกาเรือนนี้แทบจะไม่ได้แตกต่างจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบันสักเท่าไร มากับหน้าปัดดำ และการวางหน้าปัดย่อยแบบ 3 วงหรือ Tri-Compax แบบ 3-6-9 นาฬิกา

อย่างไรก็ตาม บทความนี้คงไม่ได้ลงดีเทลในแง่ลึกถึงขนาดรุ่นแรกของ Moonwatch แต่จะขอเริ่มที่ Ref. ST 105.003 ซึ่งวเป็นนาฬิกา OMEGA Speedmaster เรือนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของนักบินอวกาศของสหรัฐอเมริกาในองค์กร NASA สำหรับปฏิบัติภารกิจตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 1965 เป็นต้นมา ซึ่งจนถึงตอนนี้รวมเวลาแล้ว 60 ปี

การออกแบบที่เหนือกาลเวลา

หากไม่ได้พิจารณาโดยละเอียดก็อาจไม่พบความเปลี่ยนแปลงบนนาฬิกา Speedmaster ที่ดำเนินการผลิตมาตลอด 60 ปี แต่จะมีเหตุผลใดที่เราต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไอคอนิกและได้รับความนิยมเช่นนี้? อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอย่างละเอียด เราก็จะได้พบกับการพัฒนาสำคัญต่างๆ และความคล้ายคลึงที่พบบนนาฬิกาที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน

ความแตกต่างของ Speedmaster

ความเที่ยงตรง ความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการอ่านค่า และการใช้งานได้อย่างสะดวกคือเหตุผลที่เหล่านักบินอวกาศต่างระบุเมื่อถูกถามถึงสาเหตุที่พวกเขาเลือกนาฬิกา Speedmaster ซึ่งเป็นความจริงที่เรือนเวลานี้สามารถมอบคุณภาพที่นาฬิกาแบบอื่นๆ ไม่สามารถมอบให้ได้

 ·        การออกแบบอันทนทาน : เมื่อนาฬิกา Speedmaster รุ่นดั้งเดิมถูกรังสรรค์ขึ้นในปี 1957 ได้มีการนำเทคโนโลยีการป้องกันหลายแบบของ OMEGA ในเวลานั้นมาประยุกต์ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันที่ทรงพลังจากยางโอริง หรือเม็ดมะยมแบบ “Naiad” อันโด่งดัง ด้วยเหตุนี้ OMEGA จึงสามารถสร้างสรรค์โครโนกราฟที่มีความทนทานอย่างยิ่งซึ่งถูกผนึกจากปัจจัยภายนอกได้อย่างสมบูรณ์ และมีความสามารถในการกันน้ำได้ลึกถึง 200 ฟุต ยิ่งไปกว่านั้น กระจกเฮซาไลต์ยังมอบความได้เปรียบในด้านความยืดหยุ่นกับความทนทานต่อการแตกเมื่อถูกกระทบอย่างรุนแรง สิ่งสุดท้ายที่เหล่านักบินอวกาศต้องการระหว่างภารกิจก็คือเศษกระจกที่กระจายลอยไปทั่วยานอวกาศ

·        จิตวิญญาณแห่งนักบุกเบิก : Speedmaster คือการออกแบบระดับบุกเบิกอย่างแท้จริง เมื่อถูกเผยโฉมครั้งแรกในปี 1957 นาฬิกาได้กลายเป็นเครื่องบอกเวลารุ่นแรกที่มาพร้อมกับสเกล Tachymeter (ทาคีมิเตอร์) บนขอบตัวเรือนแทนที่จะเป็นบนหน้าปัด ทำให้นี่คือนาฬิกาในอุดมคติสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักอย่างนักแข่งรถในสนาม นับตั้งแต่บัดนั้น สเกลบอกเวลาสุดไอคอนิกนี้ยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญและเอกลักษณ์อันโดดเด่นในการออกแบบของ Speedmaster เสมอมา

·        ความสามารถในการอ่านค่า : Speedmaster รุ่นดั้งเดิมจากปี 1957 นั้นถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับนักแข่งรถ ดังนั้นการออกแบบจึงต้องสามารถอ่านค่าได้อย่างสะดวกและทราบเวลาได้แม้เพียงแค่เหลือบมอง คุณสมบัตินี้ไม่เพียงจะยังคงถูกรักษาไว้ในบนนาฬิกา ST 105.003 ทว่ายังปรากฏผ่านรายละเอียดอย่างชุดเข็มทรงบาตงและหลักชั่วโมงที่มีการใช้สารทริเทียมเป็นสารเรืองแสง สำหรับห้วงอวกาศอันมืดมิด การอ่านค่าได้อย่างชัดเจนนับเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

·        ความเที่ยงตรง : กระทั่งเมื่อปี 1965 ทาง OMEGA ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในด้านความเที่ยงตรงโดยเฉพาะด้านนาฬิกาโครโนกราฟ กลไกโครโนกราฟแบบแรกของแบรนด์ที่สามารถจับเวลา 30 นาที และ 12 ชั่วโมงได้คือกลไก 27 CHRO C12 ซึ่งถูกออกแบบและผลิตขึ้นในปี 1941 โดยกลไกนั้นมีความโดดเด่นด้วยระบบคอลัมน์วีลที่ขึ้นรูปจากโลหะชิ้นเดียวซึ่งเพิ่มคุณค่าทางเทคนิคอย่างชัดเจนและจะนำไปสู่การพัฒนากลไก Calibre 321 ที่จะเผยโฉมในปี 1949 การใช้ระบบคอลัมน์วีลชนิดเดียวกันนั้นยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ OMEGA ที่มีให้กับความเที่ยงตรงและความเชี่ยวชาญในกลไกระดับสูง

ทั้งหมดคือ การเปรียบเทียบนาฬิกาทั้ง 3 รุ่นของ OMEGA Speedmaster ที่ถือว่าทำให้เราได้ข้อมูลเพื่อใช้ในการแยกนาฬิการุ่นต่างๆ ออกจากกันได้

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/

YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline