สาย NATO เป็นอะไรที่หลายคนคุ้นเคย เพราะด้วยสีสัน ความใส่ง่าย และราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้สาย NATO ได้รับความนิยมอย่างมาก และแพร่หลาย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ที่มาและต้นกำเนิดละ เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ
NATO Strap กับ 10 เรื่องน่ารู้
สาย NATO เป็นอะไรที่หลายคนคุ้นเคย โดยเฉพาะพวกที่ชอบเปลี่ยนสายบ่อยๆ เพื่อเปลี่ยนอารมณ์นาฬิกา เพราะด้วยสีสัน ความใส่ง่าย และราคาที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้สาย NATO ได้รับความนิยมอย่างมาก และแพร่หลาย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ที่มาและต้นกำเนิดละ เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่ทราบ และ ana-digi.com ได้รวบรวมข้อมูลและรายละเอียดเอามาฝากกันครับ
1.ชื่อ NATO ไม่ได้มาจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือโดยตรง แต่จริงๆ แล้ว มาจากคำว่า NSN-NATO Stock Number หรือหมายเลขกำกับอุปกรณ์ในคลังสรรพาวุธของกองทัพอังกฤษ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมของอังกฤษ หรือ MOD-Ministry of Defense กำหนดให้เป็นมาตรฐาน และสายนาฬิกาประเภทนี้ก็เป็นหนึ่งในสิ่งของที่ทหารอังกฤษจะต้องมีเอาไว้ใช้ทดแทนสายนาฬิกาปกติ
2.ในบางครั้งสาย NATO จะรู้จักกันในอีกชื่อว่า G10 ซึ่งเป็นชื่อแบบฟอร์มที่เรียกว่า G1098 ในการทำเบิกอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งก็รวมถึงสายนาฬิกาประเภทนี้ โดยตัวสายถูกสร้างขึ้นตามข้อกำหนดในเชิงมาตรฐาน DefStan 66-15 ของกองทัพบกอังกฤษ
3.ตามมาตรฐานดั้งเดิมซึ่งเป็นสเปกของกองทัพอังกฤษสาย NATO จะมีแบบเดียวคือ ผลิตจากไนลอน มีขนาด 20 มิลลิเมตร มีความยาว 280 มิลลิเมตร และเป็นสีเทาแบบ Admiralty Grey ส่วนตัวรัดสายก็เป็นแบบทองเหลืองขัดเงา แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนมาเป็นสแตนเลส โดยตามมาตรฐานที่ระบุเอาไว้จะบอกว่าตัวข้อต่อ ตัวรัดสาย และห่วงที่อยู่บนสายจะต้องถูกยึดให้อยู่ตำแหน่งด้วยวิธีรีดด้วยความร้อน และที่ปลายของแต่ละฝั่งจะต้องมีการใช้ความร้อนทำให้ตัวเนื้อไนลอนที่ถูกตัดยึดติดกันและไม่มีชายที่รุ่ยออกมา โดยมีรูที่ถูกเจาะด้วยความร้อนจำนวน 12 รู
4.จุดเริ่มต้นของสาย NATO เกิดขึ้นในปี 1973 เมื่อกองทัพอังกฤษต้องการมองหาทางออกของสายนาฬิกาสำหรับทหารที่ประจำอยู่ในกองทัพ ซึ่งตามปกติจะมีแค่สายหนัง และสายเหล็ก ซึ่งไม่ทนทานสำหรับการใช้งานจริง และทหารคนไหนที่ต้องการใช้งานจะต้องกรอกแบบฟอร์ม G10 อย่างที่บอกในข้อที่ 2
5.การออกแบบสาย NATO มีการคำนึงถึงความทนทานและความปลอดภัยในการใช้งาน โดยเฉพาะภายใต้การรบที่จะต้องมีความสมบุกสมบัน และการที่ตัวสายร้อยผ่านสปริงบาร์ อ้อมไปทางฝาหลังนาฬิกา และไปโผล่อีกฝั่ง ก่อนที่จะร้อยเข้ากับห่วงพิเศษนั้น ทำให้มั่นใจว่า เมื่อสปริงบาร์ฝั่งไหนเกิดหักหรือเสียหาย ตัวนาฬิกาก็จะไม่ร่วงหล่นลงไปเพราะตัวสายยังคล้องอยู่กับข้อมือ และสายอีกเส้นก็ยังยึดสปริงบาร์อีกฝั่งเอาไว้ นอกจากสปริงบาร์จะพังทั้ง 2 ฝั่ง อย่างนั้นถึงจะหลุดออกจากกัน
6.อย่างไรก็ตาม หลังปี 1973 ไม่นาน ทางกองทัพบกอังกฤษมีการปรับสเปกของสาย NATO อีกครั้งโดยลดขนาดความกว้างเหลือแค่ 18 มิลลิเมตรเพื่อให้สอดคล้องกับขาสายนาฬิกา Cabot Watch ที่เป็นอุปกรณ์สำหรับแจกให้กับทหารในกองทัพ
7.นับจากปี 1978 เป็นต้นมา บริษัท Pheonix เป็นผู้รับผลิตสาย NATO G10 ตามสเปกของกองทัพบกอังกฤษจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
8.แม้ว่าจะมีคนบอกว่ารู้จักกับสาย NATO ผ่านภาพของสายที่คาดบนข้อมือของ Sean Connery ที่นำ Rolex Submariner มาคาดเข้ากับสาย NATO และนำมาเข้าฉากในภาพยนตร์เรื่อง James Bond ตอน Goldfinger ซึ่งจริงๆ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในปี 1964 ก่อนหน้าการกำเนิด NATO G10 ร่วม 10 ปี ดังนั้น มีการคาดการณ์ว่าสายผ้าไนลอนที่คาดอยู่ไม่ใช่สาย NATO แบบเดียวกับที่อีก 9 ปีถูกคิดค้นขึ้นมา แต่เป็นสายที่ร้อยเข้ากับสปริงบาร์ของนาฬิกาในแบบชั้นเดียวเหมือนกับสายนาฬิกาทั่วไป
9.สำหรับสายที่เป็นลายคาดตามยาว 5 แถบสีดำสลับเทาที่หลายคนเรียกว่าเป็น Bond’s Strap แล้วจริงๆ แล้วไม่ใช่ เป็นแค่ลายเท่านั้นที่เหมือน แต่ไม่ใช่สีนี้ เพราะสีที่ดั้งเดิมที่เป็น Bond’s Strap ตามภาพยนตร์เรื่อง Goldfinger นั้น คือ สีดำสลับเขียวและมีแถบแดงเล็กๆ แซม
10.ในปัจจุบันสาย NATO ได้รับความนิยมจากผู้ผลิตนาฬิกาทั่วโลกในการนำมาใช้กับนาฬิกาที่ทำตลาด เช่น Tudor, Hamilton Bremont และ Seiko ส่วนราคาขายในตลาด Aftermarket ก็มีหลายระดับตั้งแต่ 200 บาทไปจนถึงระดับร้อยกลางๆ ค่อนไปทางปลายๆ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุและความประณีตในการผลิตและตัดเย็บ
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/