Citizen Promaster BN7020-09E ตัวโหดที่ใครๆ ก็หลงรัก

0

หลังจากเฝ้ารอมานาน 3 ปีในที่สุดเราก็ได้ครอบครองนาฬิกาดำน้ำเข้าของฉายา Solarzilla หรือเจ้า Citizen Promaster BN7020-09E กันสักที และพบว่านี่คือนาฬิกาดำน้ำที่เจ๋งสุดๆ เรือนหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

- Advertisement -

Citizen Promaster BN7020-09E

Citizen Promaster BN7020-09E ตัวโหดที่ใครๆ ก็หลงรัก

  •  ที่สุดของนาฬิกาดำน้ำ กับตัวเรือน 52.5 มิลลิเมตรและหนา 22 มิลลิเมตร ที่ผลิตจาก Super Titanium

  • กลไก J210 ชาร์จกระแสฟ้าด้วยการสังเคราะห์แสงอาทิตย์/แสงทั่วไปตามอาคาร เมื่อชาร์จจนเต็มจะอยู่ได้ 1.5 ปี

  • ราคาป้ายอยู่ที่ 92,000 บาทซึ่งถือว่าเป็นราคาที่บ้าดีเดือดมาก

เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูล Prospex ของ Seiko ที่ถือเป็นคู่แข่งสายตรงแล้ว ต้องบอกว่า แม้ Promaster ของ Citizen จะมีทางเลือกของผลผลิตไม่ได้เยอะและหลากหลายเท่า แต่ทว่าในแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและความน่าสนใจที่อย่างน้อยก็สามารถดึงความสนใจในครั้งแรกที่ได้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็รวมถึงเจ้า Promaster BN7020-09E หรือที่ถูกเรียกว่า Solarzilla ต่อจากพวกพี่ๆ อย่าง Autozilla และ Ecozilla ซึ่งถือว่าเป็นตัวดำน้ำสุดโหดของแบรนด์

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09E

ผมยังจำได้ถึงครั้งแรกที่ได้เห็นนาฬิกาเรือนนี้ซึ่งเป็นจังหวะที่เว็บไซต์ ana-digi.com กำลังจะเปิดตัว และตรงกับช่วงเวลาของ Baselworld 2017 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พอดี สารภาพเลยนะครับว่า มันตราตรึงใจมาก และในฐานะที่เป็นแฟนของพวกตระกูล Zilla ของ Citizen มาโดยตลอด เจ้านี่กลายเป็น Wish List ในใจผมทันที เพียงแต่ด้วยราคาที่ดูจะทารุณกระเป๋า โดยเฉพาะราคาป้ายในไทยที่เปิดตัวออกมาถึง 92,000 บาท ก็เลยต้องทำเป็นเมินๆ เหมือนกับคนไม่รู้จักกันไปซะ…จนกว่าจะเจอโอกาสที่เหมาะ

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ว่าก็มาถึง ซึ่งคำที่ว่า ‘บทคนมันจะเสียเงิน ยังไงก็ต้องเสียเงิน’ ยังเป็นคำที่ถูกต้องอยู่เสมอ โดยเมื่อโพสต์ของคุณแจ็คแห่งร้าน MEwela (ใครที่สนใจนาฬิกาดีๆ ลองเสิร์ชชื่อนี้ใน FB ได้เลย) ที่ตึกแดงดันเด้งขึ้นมาบนหน้า Feed ใน FB ของผม พร้อมกับการตามหาเจ้าของใหม่ให้กับ Promaster BN7020-09E ด้วยราคาที่บอกได้เลยว่า ยากที่จะปฏิเสธ…ไม่เกิน 3 นาที คือ เวลาที่ผมใช้ในการปิดดีลนี้กับคุณแจ็ค และการเฝ้ารอมานานร่วม 3 ปีก็สัมฤทธิ์ผล

ต้องบอกว่านับจากการประกาศตัวเข้าสู่ยุค Eco-Drive กับกลไกที่ใช้พลังแสงอาทิตย์อย่างเต็มตัวของ Citizen ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นาฬิกาในกลุ่มดำน้ำ หรือ Sea ของพวกเขาถือว่าถดถอยในเรื่องของดีไซน์ที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ผลงานที่เคยยอดเยี่ยมอย่างเจ้า Autozilla หรือ NH6931-06E และ NH6930-09FB นั้นแทบไม่มีออกมาเลย จนกระทั่งการมาถึงของ Promaster BN7020-09E ในปี 2017 นี่แหละที่ผมถือว่าสามารถปลุกกระแสให้กลับมาได้

Citizen Promaster BN7020-09E

จริงๆ แล้วผมไม่รู้ว่าจะเรียกมันด้วยชื่อเล่นอย่างไรดี เพราะถ้าให้ร่ายรหัสเต็มคงจำกันเหนื่อย แต่สุดท้ายก็ไปเจอฝรั่งรีวิวที่เรียกเจ้านี่ว่า Solarzilla ต่อจาก Autozilla (ดำน้ำ 1,000 เมตรกลไกอัตโนมัติ) และ Ecozilla (ดำน้ำหน้าตาคล้ายกับ Autozilla แต่ดำได้ 300 เมตร และใช้กลไก Eco-Drive) ซึ่งผมว่าฟังแล้วก็เข้าท่าดี

Citizen Promaster BN7020-09E

Citizen Promaster BN7020-09E มากับตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 52.5 มิลลิเมตร ถือว่าใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับนาฬิกาทั่วไป แต่ถ้ามาเจอกับ Casio G-Shock แล้ว ตัวเลขนี้ถือว่าพอฟัดกันได้ และสำหรับผมแล้วถือว่าไม่มีปัญหาอะไร ส่วนความหนาถือว่าโหดเอาเรื่อง กับตัวเลข 22.2 มิลลิเมตร เรียกว่าเมื่อคาดขึ้นข้อปุ๊บ ความรู้สึกเหมือนเอากระป๋องนมตราหมีมาร้อยสายแล้วข้อมือเลยมาปั๊บ…แต่ถูกใจผมนะ

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09E

แต่สุดท้าย เอาเข้าจริงๆ แล้ว สิ่งที่น่ากลัวของ Citizen Promaster BN7020-09E ไม่ใช่เรื่องเส้นผ่านศูนย์กลาง หรือความหนา แต่เป็นเรื่องของการดีไซน์ตรงข้อย่นของสายยางต่างหาก เพราะด้วยรูปทรงแบบไม่มีขา นาฬิการุ่นนี้จึงมี Lug to Lug แค่ 50 มิลลิเมตรนิดๆ เท่านั้น ซึ่งข้อมือระดับ 7 นิ้วทั่วไปรับมือได้อยู่แล้ว แต่เมื่อประกอบร่างกับสายยางติดจากโรงงานที่มีข้อย่นซึ่งถูกออกแบบให้กางออกนั้น ตัวเลขของ Lug to Lug บนตัวเรือนบวกกับชิ้นส่วนของสายยางที่กางออกมานั้น ทำให้ตัวเลข 2 ส่วนนี้รวมกันแล้วมาอยู่ในระดับ 77 มิลลิเมตรเลยทีเดียว

ดังนั้น อย่าว่าแต่ข้อมือผมเลย ต่อให้ข้อมือฝรั่งชาติไหนในโลกนี้ เจอตัวเลขนี้เข้าไปยังไงก็ไม่รอดที่จะใส่แล้วไม่กาง

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09E

ถ้าใครไม่ชอบ ก็ยังมีทางออกเดียวคือ ปรึกษา Suppa Parts เพราะที่นี่มี Part ที่เรียกว่า Adapter สำหรับ Citizen Promaster BN7020-09E ขายอยู่เหมือนกัน ทำให้ไม่ต้องสายยางเดิม และแม้ว่าตัวนาฬิกาบวกกับ Adapter นี้จะทำให้ตัวเรือนกลายร่างเป็นนาฬิกาแบบมีขาสาย เพิ่มความสะดวกในการเปลี่ยนสายรูปแบบอื่นๆ ซึ่งผมว่าสุดท้ายแล้ว Lug to Lug ของมันก็คงไม่สร้างความลำบากให้กับข้อมือของคนทั่วไป มากเท่ากับตัวเรือนบวกสายยางเดิมอย่างแน่นอน

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09E

ส่วนตัวผมไม่ค่อยกังวลเรื่องขนาด

และถ้าต้องไปหา Suppa Part ก็เป็นแค่ปัญหาเดียวคือ สายยางของ Citizen Promaster BN7020-09Eถอดยากมาก ซึ่งผมว่าเป็นปัญหาคลาสสิคที่เจอมาตั้งแต่สมัย Autozilla แล้ว เนื้อยางค่อนข้างแข็ง และการดันออกจากตัวรัดสายก็ทำให้ยากมาก ต้องใช้แรงเอาเรื่องชนิดที่หวั่นๆ ว่าจะมีงานงอกเพราะตัวรัดสายมันจะขาดออกจากกัน ซึ่งเท่าที่ลองใช้งานมาทั้งหมด เรื่องนี้แหละที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับผม

Citizen Promaster BN7020-09E

ส่วนใครที่กังวลว่าขนาดตัวเรือนไซส์นี้จะสร้างปัญหาให้กับข้อมือในเรื่องของน้ำหนักนั้น บอกได้เลยว่าไม่ต้องห่วง เพราะ Citizen Promaster BN7020-09Eมีน้ำหนักแค่ 180 กรัมเท่านั้น นั่นเป็นเพราะตัวเรือนผลิตจาก Super Titanium พร้อมกับกรรมวิธีเคลือบ Duratec MRK และ DLC ที่ช่วยเคลือบให้พื้นผิวมีความแข็งแกร่ง ทนต่อการขูดขีด

นอกจากนั้นอีกสิ่งที่น่าสนใจและถือว่าเป็นดีไซน์เพื่อการใช้งานคือ ระบบ Lock การหมุนของขอบตัวเรือนเพื่อช่วยป้องกันการจับเวลาที่คลาดเคลื่อนซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้เวลาทำงานใต้ท้องทะเล เพราะแค่ระบบหมุนทิศทางเดียวหรือ Unidirection ของขอบตัวเรือนในนาฬิกาดำน้ำปกติอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งการออกแบบระบบนี้กับขอบ Bezel ของ Citizen Promaster BN7020-09Eถือว่าทำได้อย่างลงตัวทั้งในแง่รูปลักษณ์และความสะดวกในการใช้งาน เพราะปีกที่ยื่นออกมาจากขอบตัวเรือนจนทำให้ดูเหมือนกับดาวกระจายนั้น จะกลายเป็นตัวเพิ่มความสะดวกในการหมุนขอบตัวเรือนแม้ว่าจะสวมถุงมือหนาๆ

การใช้ระบบ Lock ขอบตัวเรือนก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องอ่านคู่มืออะไรเพิ่มเติม แค่ดันขอบอีกชุดที่อยู่ด้านล่างให้หมุนไปตามทิศทางที่ตัวอักษรระบุว่า Lock หรือ Free แค่นี้ก็จบ โดยจุดสังเกตว่าระบบนี้ทำงานอยู่หรือเปล่า ก็ดูจากแถบสีส้มที่ปรากฏอยู่ ซึ่งถ้าเจอแถบสีส้มแสดงว่าระบบถูกปิดและสามารถหมุนขอบตัวเรือนได้

ขณะที่สเกลสำหรับจับเวลาในการดำน้ำที่อยู่บนขอบตัวเรือนนั้น แม้ว่าจะดูแน่นๆ เพราะมีแต่ตัวเลขขนาดใหญ่เต็มไปหมด แต่เอาเข้าจริงๆ เราจะพบว่าเฉพาะ 0-20 เท่านั้นที่มีตัวเลขขนาดใหญ่ เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการดำน้ำ ส่วนที่เหลือตัวเลขจะถูกลดขนาดจนแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน ยกเว้นตัวเลข 30 และ 45 ที่เป็นหลักสำคัญอยู่แล้ว ซึ่งมีขนาดเท่ากับตัวเลข 0-20

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09Eกระจกแบบ Sapphire มีลักษณทรงโดมและถูกวางตัวให้อยู่ลึกลงไปจากระนาบของขอบตัวเรือน ตัวกระจกมีการเคลือบสารลดการสะท้อนแสงเพื่อความสะดวกในการมองเวลาอยู่ใต้น้ำ ส่วนบนหน้าปัดไม่มีอะไรหวือหวา ดูออกแนวตันๆ ด้วยซ้ำ ตัวนาฬิกาเป็นแบบ 3 เข็มที่มีรูปทรงของเข็มแบบแท่งๆ ทื่อๆ เหมือนกับ Autozilla ตัวเข็มถูกออกแบบในแนว Plongeur Hand สำหรับนาฬิกาดำน้ำ ซึ่งเข็มนาทีจะมีขนาดใหญ่ และเคลือบด้วยสีส้มเพื่อให้มีความแตกต่างจากเข็มชั่วโมง ขณะที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกาจะมีมาตรวัดสำหรับ Power Reserve Indicator เพื่อบอกระดับพลังงานในแบตเตอรี่

สิ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของกลไกและ Citizen เลือกใช้กลไก J210 สำหรับ Citizen Promaster BN7020-09Eและนั่นทำให้เกิดสถิติใหม่คือ เจ้านี่กลายเป็นนาฬิกาแบบกินแสงเรือนแรกของโลกที่สามารถดำได้ในระดับ 1,000 เมตร และมี HEV ที่สามารถใช้งานในรูปแบบ Saturation หรือการใช้ชีวิตอยู่ในแทงค์ใต้น้ำได้

ในแง่ของการใช้งานนั้นมีการถกเถียงถึงเรื่องของการใช้กลไกที่สร้างกระแสไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ หรือแสงสังเคราะห์กับนาฬิกาดำน้ำว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะในการดำน้ำปกติแล้วจะมีจุดที่เรียกว่า Aphotic ที่เป็นคำเรียกในภาษากรีกที่มีความหมายว่า ปราศจากแสง หรือ Without Light ซึ่งจะเป็นช่วงความลึกในระดับ 200 เมตรลงไป

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09E

แต่สุดท้ายคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะเมื่อชาร์จจนเต็มถังแล้ว กลไกนี้สามารถเดินอย่างต่อเนื่องได้นานถึง 1.5 ปี หรือ 547 วัน และแค่การดำแบบ Scuba ที่มีระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที ยังไงก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับการใช้งาน และถ้าลงไปอยู่ใต้น้ำเพื่อทำงานในรูปแบบของ Saturation Diving แล้ว อันนี้ยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะสถิติสูงสุดของการทำงานที่อยู่ใต้น้ำนั้นแค่ 73 วัน 2 ชั่วโมง 34 นาทีเท่านั้น แถมยังเป็นที่ความลึกแค่ 7.34 เมตร ยังไงก็เหลือเฟือ

ส่วนใครที่กังวลในเรื่องความทนทาน ก็มิต้องห่วง เพราะก่อนที่จะขายทาง Citizen จับทดสอบเพื่อให้ได้มาตรฐาน ISO6425 ของการดำน้ำ แถมยังฝากติดข้อมือของทีมวิจัย Japan Agency for Marine-Earth Science and Technology (JAM- STEC) ให้เอาลงไปใช้ใต้น้ำ และผ่านการทดสอบสบายๆ

ในเรื่องการใช้งานนาฬิกาแบบกินแสงนั้นดูเหมือนว่าหลายคนจะค่อนข้างกังวล และส่วนใหญ่เลือกที่จะเมิน แต่ส่วนตัวผมค่อนข้างเฉยๆ นะ อย่างน้อยนับจากปี 1995 ที่ Citizen นำแนวคิด Eco-Drive มาใช้ ผ่านมา 25 ปีผมว่าเทคโนโลยีนี้น่าจะนิ่งและผ่านการพัฒนามาจนถึงระดับที่ใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหา สิ่งที่น่ากังวลสำหรับตัวผมนั้นมีเพียงเรื่องเดียวคือ การ Rotation ของนาฬิกาที่อาจจะไม่เพียงพอในการนำเจ้า Citizen Promaster BN7020-09Eออกมาเจอแสงบ่อยๆ และทำให้กระแสไฟฟ้าในถังค่อยๆ ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ

ดังนั้น สิ่งที่ผมต้องทำคือ วินัยในการนำนาฬิกาออกมาตากแดดบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเป็นเวลาสัก1-2 ชั่วโมง ไม่ต้องถึงกับวางเอาไว้ท่ามกลางแสงจ้าในช่วงกลางวันหรอกครับ แค่ตอนเช้าๆ แดดยังไม่แรงมาก เท่าที่ก็ช่วยให้ระบบสามารถสังเคราะห์แสงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเติมเข้าไปเก็บในระบบได้ในระดับหนึ่งแล้ว

Citizen Promaster BN7020-09E Citizen Promaster BN7020-09E

บทสรุปสำหรับนาฬิกาเรือนนี้ ถ้าคิดจะเป็นเจ้าของนั้น ต้องบอกเลยว่าเป็นความพอใจล้วนๆ เพราะข้อแรกกับราคาป้าย 92,000 บาทแลกกับนาฬิกา Eco-Drive ใครเห็นเป็นต้องถอย เพราะราคากับมูลค่าของนาฬิกาไม่สัมพันธ์กันเลย และผมคนหนึ่งละที่บอกเลยว่ายังไงก็ไม่มีทางจ่ายระดับนี้แม้ว่าจะหลงหัวปักหัวปำ ส่วนอีกเรื่องคือ ขนาดที่ใหญ่ จนเกินงาม มันจึงไม่ใช่ Daily Watch สำหรับทุกคนอย่างแน่นอน

ข้อมูลทางเทคนิค

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 52.5 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 50 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 22 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 29 มิลลิเมตร
  • วัสดุตัวเรือน : Super Titanium
  • กระจก : Sapphire
  • กลไก : J210 Eco-Drive เปลี่ยนพลังแสงอาทิตย์ให้เป็นไฟฟ้า
  • ระยะเวลาเมื่อชาร์จเต็ม : 1.5 ปี
  • ความคลาดเคลื่อน : +/-15 วินาทีต่อปี
  • ระยะเวลาทำงานสูงสุดเมื่อชาร์จจนเต็ม : 1.5 ปี
  • ระดับการกันน้ำ : 1,000 เมตร
  • ประทับใจ : ดีไซน์ ความสามารถของนาฬิกา
  • ไม่ประทับใจ : ราคาป้าย และสายยางที่แข็งมาก ถอดออกลำบาก