เปิดตัวออกมาแล้วสำหรับ 3 คอลเล็กชั่นใหม่ของ Casio G-Shock ในโครงการ The Ultimate Tough Match แต่ประเด็นคือ เราจะมีโอกาสได้เป็นเจ้าของนาฬิกา 3 รุ่นนี้กันได้อย่างไร และราคาเท่าไร
Casio G-Shock The Ultimate Tough Match อยากเป็นเจ้าของต้องทำอย่างไร ?
เปิดตัวออกมาแล้วสำหรับ Casio G-Shock The Ultimate Tough Match ซึ่งเป็นการร่ววมมือกับ 3 แบรนด์ไทยนิยม แต่คราวนี้คือ ถ้าคุณต้องการที่อยากจะเป็นเจ้าของต้องทำอย่างไร ทาง ANA-DIGI มีรายละเอียดมาฝากกันครับ
กติกาการจัดจำหน่าย
10.00 – 12.00 น. ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อลุ้นสิทธิ์ในการซื้อสินค้าที่ร้าน G Factory สาขา Central World
13.00 น. เจ้าหน้าที่ดำเนินการจับฉลาก และประกาศชื่อผู้มีสิทธิ์ซื้อสินค้า (สินค้ามีจำนวนจำกัด รุ่นละ 300 เรือน)
**ทางแบรนด์ขอสงวนสิทธิ์ในการซื้อสินค้า สำหรับผู้ที่อยู่ภายในบริเวณงานเท่านั้น**
กำหนดการจัดจำหน่าย
16 กันยายน 2560 G Shock DW6900 x Carnival (5,900 บาท)
23 กันยายน 2560 G Shock DW5600 x Rubber Killer (5,900 บาท)
30 กันยายน 2560 G Shock GA710 x Indigoskin (6,900 บาท)
“The Ultimate Tough Match” เป็นการสร้างคำใหม่ที่มีความหมายพิเศษถึง ความแข็งแกร่งที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของแบรนด์ระดับโลกอย่างคาสิโอ จี ช๊อค และแบรนด์ไทยที่ก้าวไปสู่ระดับโลก ซึ่งมีแนวทางการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในแบบที่เน้นความเป็นผู้นำ กล้าคิดและกล้าทำในสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม ความพิเศษของโปรเจ็กต์นี้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างคาสิโอ จี ช็อค และแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของเมืองไทย ถึง 3 แบรนด์ด้วยกัน อันประกอบไปด้วย
CARNIVAL (คาร์นิวัล) – ร้านมัลติแบรนด์ชื่อดังสัญชาติไทย ที่ได้รับสิทธิ์ ในการขายรองเท้าผ้าใบระดับเอ็กซ์คลูซีฟหายากหลายรุ่น
Rubber Killer (รับเบอร์ คิลเลอร์) – แบรนด์แฟชั่นแอ็กเซสซอรีของผู้ชายที่มีการออกแบบที่โดดเด่นจากการนวัสดุยางรถยนต์เหลือใช้มาบวกกับดีไซน์ที่สวยงาม
Indigoskin (อินดิโก สกิน) – แบรนด์เดนิมสายเลือดไทยที่กล้ากระโดดออกมาทำยีนส์ระดับ Premium เทียบเคียงกับแบรนด์ยีนส์ชื่อดังต่างๆจากนานาประเทศ
โดยทั้ง 3 แบรนด์ที่กล่าวมานั้น ต่างก็ใช้เอกลักษณ์อันโดดเด่นของตัวเอง มาเป็นคอนเซปต์ในการออกแบบลวดลายบนนาฬิกาได้อย่างลงตัว แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่ง (Absolute Toughness) อันเป็นเอกลักษณ์ของจี ช็อค (G SHOCK) ที่มาอย่างยาวนาน
G Shock DW6900 x Carnival (5,900 บาท)
ด้วยแนวคิดการออกแบบดีไซน์ที่ย้อนกลับไปในยุค 90 ซึ่งถือเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลง และการถือกำเนิดของสิ่งต่างๆ มากมายที่ต่อยอดมาถึงปัจจุบัน และ 1 ในศิลปะที่โดดเด่นในยุคนั้น ก็คือ Graffiti หรืองาน Street Art ที่ใช้การพ่นสีลงบนกำแพงเพื่อเป็นการแสดงออกของตัวตนไปยังสังคมต่างๆ ซึ่งลวดลายแบบ Graffiti นั้นก็ได้ถูกนำมาวางลงบนนาฬิกาคาสิโอ จีช็อค รุ่น DW-6900BB-1DR ซึ่งเป็นอีกรุ่นที่มีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และความทนทาน (Toughness) นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบมาอย่างยาวนาน ด้วยลวยลายแบบกราฟิตี้ที่ให้ความรู้สึกที่สนุกสนาน บ่งบอกความเป็นตัวตนได้อย่างชัดเจน และยังมีความร่วมสมัยความยุคต่อยุค จึงเป็นอีกนึงคอลเลคชั่นที่เหมาะแก่การเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง
G Shock DW5600 x Rubber Killer (5,900 บาท)
ด้วยนิยามที่นำเอาวัสดุเหลือใช้ กลับมาทำให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ากว่าเคย (Your Trash is My Treasure) โดยโฟกัสไปที่วัสดุ อย่างยางในของรถยนต์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคาแรคเตอร์ที่แข็งแกร่ง ดุดัน ทนทาน (Toughness) ซึ่งเปรียบเสมือนกับนิยามของจี ช็อคนั่นเอง คอนเซปต์ในการออกแบบนั้นมาจาก ลวดลายของยางรถยนต์ที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง ทนทาน พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ซึ่งได้ถูกนำมาวางบนตัวเรือนของคาสิโอ จีช็อคในรุ่น DW-5600E-1VDF ที่ต้องบอกว่า เป็นรุ่นที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของคาสิโอ จีช็อคได้อย่างชัดเจน เพราะถือเป็นรุ่นออริจินัลนั่นเอง ทั้งนี้ เมื่อผู้ที่เป็นเจ้าของนาฬิการุ่นนี้แล้ว ก็พร้อมที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับทุกสิ่งบนโลกใบนี้
G Shock GA710 x Indigoskin (6,900 บาท)
ด้วยความคิดที่ว่า สินค้าไทยมีคุณภาพที่ไม่ได้ด้อยกว่าใครบนโลกนี้ จึงเป็นแรงผลักดันให้แบรนด์ยีนส์ของไทย รายนี้ก้าวไปทัดเทียมกับแบรนด์ชั้นนำได้อย่างไม่ขัดเขิน และด้วยความที่วัสดุอย่างผ้ายีนส์ เป็นผ้าที่ขึ้นชื่อว่าทนทานที่สุดในโลก จึงเป็นการผสมผสานความแข็งแกร่ง (Toughness) ทั้งในส่วนของ Indigoskin และ Casio G SHOCK ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังใส่ความเป็นไทยด้วยลวดลายบ่อบัว ลงบนตัวเรือนนาฬิกาในรุ่น GA-710-1ADR ซึ่งทำให้เราได้เห็นศิลปะร่วมสมัยบนโลกแฟชั่นผ่านคอลเลคชั่นนี้ได้อย่างลงตัว ยามที่ได้สวมใส่จึงมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยเอกลักษณ์ของความเป็นไทยยังจะคงอยู่อย่างแน่นอน
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/