การปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญในนาฬิกา 5600 Series ของ Casio G-SHOCK ด้วยโมดุลใหม่ 3578 ที่ใช้จอ LCD แบบ MIP (Memory-in-Pixel) ความละเอียดสูง พร้อมการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth โดยมีลูกเล่นในการสลับรูปแบบของหน้าจอได้ 4 แบบ และมีการปรับเปลี่ยนเลย์เอาท์ในการแสดงผลรวมถึงฟอนต์ตัวเลขในการแสดงเวลาให้มีความสวยและทันสมัยขึ้น โดยในช่วงแรกมีจำหน่าย 2 รุ่น คือ GW-BX5600-1JF และ GW-BX5600-1A1JF

Casio G-SHOCK GW-BX5600 Series หน้าจอ MIP บนตัวเรือนคลาสสิค

• การนำหน้าจอ LCD แบบ MIP (Memory-in-Pixel) ความละเอียดสูงมาใช้กับนาฬิการุ่น 5600 Series

• มาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจาก BioMass Plastic หรือพลาสติกชีวมวล

• ขับเคลื่อนด้วยโมดุลในรหัส 3578 พร้อม Tough Solar และ Bluetooth

- Advertisement -

การนำหน้าจอแบบ MIP LCD screen พร้อมกับการปรับรูปแบบการนำเสนอของดีเทลบนจอนั้น นอกจากจะมีกับนาฬิการุ่น Full Metal อย่าง GMW-BZ5000 แล้ว ทาง Casio G-SHOCK ยังนำเสนอผ่านทางเรือนเวลาที่เป็นแบบ Full Resin อีกด้วย กับนาฬิการุ่น GW-BX5600 ซึ่งจะมีจำหน่าย 2 รุ่นในช่วงแรก คือ GW-BX5600-1JF และ GW-BX5600-1A1JF

แน่นอนว่าในเรื่องของตัวเรือนรายละเอียดทั้งหมดถูกสร้างสรรค์บนพื้นฐานของนาฬิกาในกลุ่ม 5600 Series ซึ่งเป็นทายาทสายตรงของ DW-5000C หรือนาฬิกา G-SHOCK รุ่นแรกที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อปี 1983 โดย Casio G-SHOCK GW-BX5600 Series จะมากับตัวเรือนและสายแบบเรซินที่ผลิตจากวัสดุที่เรียกว่า BioMass Plastic หรือพลาสติกชีวมวล

จอแสดงผลดิจิทัลใช้จอ LCD แบบ MIP (Memory-in-Pixel) ความละเอียดสูง มุมมองกว้าง ความคมชัดสูง เมื่อเทียบกับจอ LCD ทั่วไป และมีหน่วยความจำฝังอยู่ในแต่ละพิกเซล (ซึ่งมักจะใช้ในรุ่นสปอร์ตของ G-SHOCK) สามารถทำงานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โดย Casio G-SHOCK ได้พัฒนาเวอร์ชันใหม่ที่ประหยัดพลังงานยิ่งกว่าเดิม หน้าจอนี้รองรับ 8 รูปแบบการแสดงผล โดยมี 2 สไตล์ให้เลือกคือแบบมาตรฐานที่อ่านง่ายและแบบคลาสสิกที่ให้ลุคดั้งเดิมแบบ 7 ส่วน ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ใน 4 โหมดการแสดงผล หน้าจอ MIP LCD ที่มีความแม่นยำสูง คอนทราสต์สูง และมุมมองกว้างสามารถชาร์จพลังงานได้จากแสงธรรมชาติหรือแสงในร่ม พร้อมแสดงผลได้ละเอียดคมชัดแม้อยู่กลางแจ้งหรือโดนแสงแดดโดยตรง

ผู้ใช้สามารถเลือก Layout การแสดงผลที่ชอบได้ถึง 4 สไตล์ และเลือกสลับฟอนต์ระหว่างแบบ Standard และ Classic ได้โดยการเชื่อมต่อกับแอป อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้เพียงการกดปุ่มครั้งเดียว โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก

• ประเภท A: แสดงเวลาพร้อมกันในสองเมือง
• ประเภท B: วันที่ + วันในสัปดาห์
• ประเภท C: ปี + วันที่ + วันในสัปดาห์
• ประเภท D: แสดงเวลาพร้อมกันในสามเมือง

สำหรับรุ่นที่ทำตลาดในช่วงแรก ในคอลเลกชันเปิดตัวนี้ Casio G-SHOCK GW-BX5600 Series ทั้ง 2 รุ่นมีราคาเท่ากันที่ 30,800 เยน:

• GW-BX5600-1JF: หน้าจอแบบปกติ (Positive Display) อ่านง่ายชัดเจน

• GW-BX5600-1A1JF: หน้าจอแบบย้อนแสง (Negative Display) ให้ลุคดุดัน เท่แบบสปอร์ต

การทำงานของระบบทั้งหมดควบคุมผ่านโมดุลในรหัส 3578 ซึ่งได้รับการอัพเกรดให้มีความสามารถมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้าผ่านระบบ Tough Solar ตามด้วยระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านทาง Bluetooth ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการปรับเซ็ตนาฬิกา และการแสดงผลบนหน้าจอ

สรุป ไฮไลท์เด่นที่ทำให้ GW-BX5600 แตกต่าง

1. หน้าจอ MIP (Memory-in-Pixel) ความละเอียดสูง: ยกระดับจากหน้าจอ LCD ปกติ ให้ความคมชัดสูงมาก (High Contrast) และมุมมองที่กว้างขึ้น อ่านค่าได้ชัดเจนแม้กลางแดดจัด พร้อมฟอนต์ตัวเลขแบบใหม่ที่ทันสมัย

2. โมดูลใหม่รหัส 3578: มาพร้อมระบบ Tough Solar (ชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์) และ Smartphone Link ผ่าน Bluetooth ช่วยให้การตั้งค่าเวลาและฟีเจอร์ต่างๆ ทำได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน

3. วัสดุรักษ์โลก BioMass Plastic: ตัวเรือนและสายผลิตจากพลาสติกชีวมวล ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังคงความทนทานตามมาตรฐาน G-SHOCK

4. ปรับแต่งหน้าจอได้ถึง 4 รูปแบบ: ผู้ใช้สามารถเลือก Layout การแสดงผลที่ชอบได้ถึง 4 สไตล์ และเลือกสลับฟอนต์ระหว่างแบบ Standard และ Classic ได้

รายละเอียดทางเทคนิค (Technical Specifications) Casio G-SHOCK GW-BX5600 Series

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/

YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline