สำหรับงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) ประจำปี 2020 ทาง ไบร์ทลิ่ง ประสบความสำเร็จจากการคว้า 2 รางวัลในการได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง 5 สาขา
Breitling คว้า 2 รางวัลจากเวที GPHG 2020
ถือเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จสำหรับ ไบร์ทลิ่ง เมื่อพวกเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) ประจำปี 2020 มากถึง 5 สาขาด้วยกัน ก่อนเดินออกจากงานด้วยการคว้ามาได้ 2 รางวัลจากนาฬิการุ่น Superocean Heritage ’57 Limited Edition II และ Superocean Automatic 48
สำหรับ 5 สาขาที่ ไบร์ทลิ่ง ได้รับการเสนอชื่อเข้าไปชิงรางวัลในปี 2020 ซึ่งเป็นการจัดงานปีที่ 20 ของเวทีนี้ประกอบด้วย
-
The Iconic Watch Prize (สำหรับรุ่น Chronomat B01 42)
-
The Chronograph Watch Prize (สำหรับรุ่น Top Time Limited Edition)
-
The Diver’s Watch Prize (สำหรับรุ่น Superocean Automatic 48)
-
The Petite Aiguille Watch Prize (สำหรับรุ่น Superocean Heritage ’57 Limited Edition II)
-
The Challenge Watch Prize (สำหรับรุ่น Endurance Pro)
‘เรารู้สึกภูมิใจอย่างมากกับรางวัลที่ได้รับ อย่างที่ทราบดีวาปีนี้เป็นที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับพวกเรา และถึงแม้ว่าจะมีการล็อคดาวน์จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่เราก็ยังยึดมั่นต่อกลยุทธ์และภารกิจในการทำงานของเราต่อไปด้วยการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่มีความโดดเด่น เช่น Top Time in March และ Chronomat ในเดือนเมษายน ตามด้วย Endurance Pro และ Chronomat รุ่นใหม่สำหรับผู้หญิงในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี สำหรับการออกแบบในสไตล์ Modern-Retro ของเรานั้นได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก และนาฬิกาของเราได้รับการมองว่าเป็นผลผลิตที่สวมใส่ในโอกาสสบายๆ และมีความยั่งยืนมากกว่าการที่จะเป็นแบรนด์ระดับหรูที่อยู่ในกรอบแบบเดิมๆ และรางวัลที่ได้รับจาก GPHG ในปีนีเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเรากำลังเดินมาถูกทาง และเราก็มีความภูมิใจกับ 2 รางวัลที่ได้รับในปีนี้อย่างมาก’ Georges Kern CEO ของ ไบร์ทลิ่ง กล่าว
-
The Petite Aiguille Watch Prize :Breitling Superocean Heritage ’57 Limited Edition II
เปิดตัวในเดือนเมษายนที่ผ่านมาในระหว่างที่แบรนด์ได้จัดงาน Summit Webcast ขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะการล็อคดาวน์จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดย Superocean ’57 Limited Edition มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ดูสวยทันสมัยและสปอร์ตขึ้น อีกทั้งยังมีรุ่นพิเศษที่แต่งเติมสีสันบนหน้าปัดให้เป็นลวดลายของสายรุ้งพร้อมหน้าปัดดำที่มีการผลิต 250 เรือน และตามด้วยการเปลี่ยนหน้าปัดและขอบตัวเรือนมาเป็นสีน้ำเงินซึ่งเป็นเวอร์ชัน 2 ที่มีการผลิตออกมา 1,000 เรือน โดยรายได้จากการจำหน่ายนาฬิการุ่นนี้ได้มอบให้กับองค์กรการกุศลเพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานที่ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคร้ายในประเทศต่างๆ โดยมีการระดมทุนได้ถึง 770,000 เหรียญสหรัฐฯ
ราคาจำหน่ายในเมืองไทย : 138,000-164,000 บาท
The Diver’s Watch Prize :Breitling Superocean Automatic 48
มาพร้อมกับตัวเรือนที่ผลิตจากไทเทเนียมเคลือบ DLC และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 48 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนผลิตจากเซรามิก พร้อมหน้าปัดสีเขียวที่ดึงดูดทุกสายตา โดยด้านในตัวนาฬิกาจะมีซอฟต์เคสที่ผลิตจากเหล็กในการทำหน้าที่ปกป้องจากสนามแม่เหล็ก พร้อมความสามารุในการกันน้ำ 300 เมตร โดยนาฬิการุ่นนี้มีจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นนอกเหนือจากหน้าปัดสีเขียวแล้ว ยังมีหน้าปัดสีเหลือง และสีน้ำเงินอีกด้วย
ราคาจำหน่ายในเมืองไทย : 159,000-172,000 บาท
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/