CLOCKWISE

Blancpain Fifity Fathoms Automatique 38mm ขยายทางเลือกสตีลพร้อมหน้าปัดใหม่

โดย

GoodTimes

26/06/2025

ทิ้งระยะจากการเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ในเวอร์ชัน For Her ออกมาไม่นาน ทาง Blancpain ขยับตลาดให้กับ Fifity Fathoms Automatique 38mm อีกครั้ง คราวนี้เติมรุ่นย่อยต่างๆ ให้ครอบคลุมกับทุกความต้องการด้วยวัสดุอย่างสเตนเลสสตีล และไทเทเนียม รวมถึง Red Gold 18K ที่มากับหน้าปัดสีมาตรฐานอย่างดำและน้ำเงิน

- Advertisement -

Blancpain Fifity Fathoms Automatique 38mm

Blancpain Fifity Fathoms Automatique 38mm ขยายทางเลือกสตีลพร้อมหน้าปัดใหม่

ขยายทางเลือกใหม่หลังจากที่มีมาก่อนหน้านี้ 2 รุ่นหลัก
มีตัวเรือนสตีลหน้าดำ และไทเทเนียม-Red Gold 18K หน้าน้ำเงิน
ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ 5113 ที่มีกำลังสำรอง 100 ชั่วโมง

ตอนแรกคิดว่าการเปิดตัวรุ่นตัวเรือน 38 มิลลิเมตรจะมีแค่วัสดุอย่างไทเทเนียม เกรด 23 และ Red Gold 18K เท่านั้น แต่ล่าสุดทาง Blancpain ได้จับเอาวัสดุอย่างสเตนเลสสตีลใส่เข้าไปเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของตัวเรือนไซส์นี้แล้ว พร้อมกับแตกไลน์อัพของ Blancpain Fifty Fathoms Ref.5007 หรือตัวเรือน 38 มิลลิเมตรออกมามากมาย ขณะที่ตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 23 และ Red Gold 18K ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านั้น ก็มีการเพิ่มรุ่นหน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ออกมาด้วย

Blancpain Fifity Fathoms Automatique 38mm

งานนี้เรียกว่าเซอร์ไพรส์เล็กๆ แต่เป็นการเปิดตลาดที่ดูเหมือนว่า Blancpain ต้องการเข้าถึงกลุ่มคนที่กว้างขึ้นด้วยขนาดตัวเรือนที่เล็กลง หลังจากที่ Fifty Fathoms มีแต่ขนาดเกิน 40 มิลลิเมตร (42.3 Ref. 5010 และ 45 มิลลิเมตร Ref.5015) มานานตั้งแต่เปิดตัวในปี 2007 ประกอบกับการเพิ่มทางเลือกด้วยลูกเล่นของสีสันบนหน้าปัดซึ่งนอกเหนือจากดำและน้ำเงินแล้ว ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าพวกเขาพร้อมขยายตลาดเพื่อเข้าสู่ฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น

ล่าสุดในปี 2025 นี้ Orient ได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปีแห่งการเดินทางเหนือกาลเวลา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “75 Shades Of Time – A Timeless Journey By Orient” การเดินทางที่จะทำให้ “เวลา” เปลี่ยนเป็น “โมเม้นต์” ที่น่าจดจำ นำโดย ยุทธพล ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหกรุงทองเทรดดิ้ง จำกัด และ คม สัจจวโรดม ผู้จัดการแบรนด์ Orient ประเทศไทย พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์ที่เติมเต็มให้กับทุกห้วงเวลาของการเดินทาง เมื่อทุกวินาทีมิใช่เพียงการเดินของเข็มนาฬิกา แต่คือการสั่งสมเรื่องราวอันทรงคุณค่า

งานนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่จากหน้าปัด MOP ที่เปิดตัวออกมาก่อน โดย Fifty Fathoms 38 มิลลิเมตร (หรือจะให้เจาะจงลงแบบชัดๆ คือ 38.2 มิลลิเมตร) ตัวเรือนสเตนเลสสตีลจะมากับหน้าปัดดำนแบบซันเรย์ โดยทางเลือกจะมีทั้ง Full-Steel คือ ทั้งตัวเรือนและสาย บวกกับทางเลือกของสายที่คุ้นเคยกันดีคือ สายรับเบอร์ สาย NATO และสายผ้าแบบ Sail-Canvas

5007 1130 71S หน้าปัดดำแบบซันเรย์ ตัวเรือนสตีล และสายสตีล ราคา 652,000 บาท
5007 1130 B52B หน้าปัดดำแบบซันเรย์ ตัวเรือนสตีล และสาย Sail-Canvas ราคา 608,000 บาท
5007 1130 B64B หน้าปัดดำแบบซันเรย์ ตัวเรือนสตีล และสายรับเบอร์ ราคา 608,000 บาท
5007 1130 NABA หน้าปัดดำแบบซันเรย์ ตัวเรือนสตีล และสาย NATO ราคา 560,000 บาท

ส่วนรุ่นไทเทเนียมเกรด 23 จะมากับหน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ และมี 4 ทางเลือก คือ

5007 12B40 98S หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือนและสายเป็นไทเทเนียม เกรด 23 ราคา 708,000 บาท
5007 12B40 O52B หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 23 และสาย Sail-Canvas ราคา 664,000 บาท
5007 12B40 O64B หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 23 และสายรับเบอร์ ราคา 664,000 บาท
5007 12B40 NAOA หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือนไทเทเนียม เกรด 23 และสาย NATO ราคา 600,000 บาท

นอกเหนือจากสเตนเลสสตีลและไทเทเนียมแล้ว ในรุ่น Red Gold ยังมีเพิ่มทางเลือกของหน้าปัดออกมา โดยจะใช้สีน้ำเงินแบบซันเรย์ พร้อมกับ 3 รุ่นย่อยของสายนั่นคือ สายรับเบอร์ สาย NATO และสายผ้าแบบ Sail-Canvas

5007 36B40 O52B หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือน Red Gold 18K และสาย Sail-Canvas ราคา 1,139,000 บาท
5007 36B40 O64B หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือน Red Gold 18K และสายรับเบอร์ ราคา 1,139,000 บาท
5007 36B40 NAOA หน้าปัดน้ำเงินแบบซันเรย์ ตัวเรือน Red Gold 18K และสาย NATO ราคา 1,023,000 บาท

ในเรื่องรายละเอียดของรูปลักษณ์และกลไก ยังอ้างอิงจากรุ่น 38 มิลลิเมตร MOP ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ โดยกลไกเป็นแบบอัตโนมัติ In-House ในรหัส 5113 ใช้ใยนาฬิกาที่ผลิตจากซิลิคอน มีกำลังสำรอง 100 ชั่วโมง และความสามารถในการกันน้ำ 300 เมตร