การรุกตลาดครั้งใหม่ของ Audemars Piguet Royal Oak Offshore ที่มาพร้อมกับ 2 ขนาดตัวเรือน คือ 42และ 43 มิลลิเมตร ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 10 รุ่นย่อย
Audemars Piguet Royal Oak Offshore 2021 รุกครั้งใหม่ 10 รุ่นย่อยจาก 2 ขนาดตัวเรือน
-
มีจำหน่ายทั้งรุ่น 42 และ 43 มิลลิเมตร
-
รุ่น 42 มิลลิเมตรมีทั้งหน้าปัดแบบลายใหญ่และลายเล็ก พร้อมกลไกใหม่ 4404
-
ราคาจำหน่ายทั้ง 10 รุ่นย่อยอยู่ระหว่าง 33,400-83,000 เหรียญสหรัฐฯ
Audemars Piguet ปรับปรุงเพิ่มความใหม่ให้กับนาฬิกาจับเวลารุ่นดังอย่าง ROO หรือที่รู้จักกันในชื่อ Royal Oak Offshore โดยจะมีทั้งรุ่น 42 มิลลิเมตร และ 43 มิลลิเมตร พร้อมวัสดุตัวเรือนที่มีให้เลือกทั้งแบบสตีล ไทเทเนียม ทองคำ 18K หรือ Pink Gold กับกลไกอัตโนมัติจับเวลา Chronograph พร้อมฟังก์ชั่น Flyback
หลังจากที่เปิดตัวในปี 1993 และสร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยความโดดเด่นของดีไซนต์ที่สวยและสะดุดตาพร้อมกับเพิ่มความดุดันจนได้รับฉายาว่า The Beast ในตอนนี้นี่คือ 10 รุ่นใหม่จาก 2 ขนาดตัวเรือนที่จะเปิดตัวในฐานะ Audemars Piguet Royal Oak Offshore 2021 ซึ่งจะประกอบไปด้วย
รุ่นตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร มี 5 รุ่นย่อย คือ
- Ref. 26238OR.OO.2000OR.01 ตัวเรือนทองคำ 18k แบบ Pink Gold หน้าปัดสีน้ำเงิน ราคาป้าย 83,000 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26238ST.OO.2000ST.01 ตัวเรือนสแตนเลสสตีล หน้าปัดสีน้ำเงิน ราคาป้าย 40,600 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26238ST.OO.A340CA.01 ตัวเรือนสแตนเลสสตีล หน้าปัดสีฟ้าอ่อน ราคาป้าย 33,400 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26238TI.OO.2000TI.01 ตัวเรือนไทเทเนียม หน้าปัดสีเทา ราคาป้าย 40,600 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26238TI.OO.A056CA.01 ตัวเรือนไทเทเนียม หน้าปัดสีเขียว ราคาป้าย 33,400 เหรียญสหรัฐฯ ในรุ่น 42 มิลลิเมตรความพิเศษ คือ ในรุ่นหน้าปัดลาย Mega Tapisserie ซึ่งเป็นการขยายขนาดของลาย
ตารางที่เป็นพื้นผิวของหน้าปัดให้ดูใหญ่ขึ้นจากเดิม พร้อมตัวเลขของหลักชั่วโมงที่มีขนาดใหญ่ และทำให้หน้าปัดสไตล์ Tapisserie ที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ ROO มีความสวยและเด่นขึ้น จะมีขาย 2 รุ่นคือ หน้าปัดฟ้าอ่อนตัวเรือนสตีล และสีหน้าปัดเขียวตัวเรือนไทเทเนียม ที่มากับสายยางในทั้ง 2 รุ่น
ส่วนรุ่นที่เหลือจะเป็นลาย Petit Tapisserie ซึ่งตัวตารางบนหน้าปัดมีขนาดเล็กย่อย และไม่ใช่ตัวเลขบนหลักชั่วโมงซึ่งเป็นการย้อนสไตล์การออกแบบลายหน้าปัดแบบนี้จากรุ่นดั้งเดิมในปี 1993 ขณะที่พื้นของวงจับเวลาย่อยจะมีสีเดียวกับพื้นหน้าปัดหลัก ยกเว้นรุ่นตัวเรือน 18K ที่หน้าปัดย่อยจะเป็นสีทองแบบ Pink Gold
รุ่นนี้มาพร้อมกลไกอัตโนมัติแบบจับเวลาในรหัส 4404 ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด มาพร้อมกับระบบ Coumn-Wheel Flyback Chronograph พร้อมกับ Verticle Clutch เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และมีทับทิมจำนวน 40 เม็ด สำรองกำลังงานได้ 70 ชั่วโมง
โดยการใช้กลไกใหม่นี้ทำให้ต้องมีการวางหน้าปัดย่อยแบบ Tri-Complex 3 วงย่อยเป็นลักษณะแนวตั้ง หรือ Veritcal Sub-Dial layout ซึ่งจะแตกต่างจากการใช้กลไก 4401 ในรุ่น 43 มิลลิเมตรเป็นแบบแนวนอน หรือ Horizontal Sub-Dial Layout
ส่วนรุ่นตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตร มี 5 รุ่นย่อย คือ
- Ref. 26420SO.OO.A600CA.01 ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำ หน้าปัดสีน้ำตาลอ่อน ราคาป้าย 38,200 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26420IO.OO.A009CA.01 ตัวเรือนไทเทเนียม ขอบตัวเรือนเซรามิกเทา หน้าปัดสีเทา ราคาป้าย 38,200 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26420SO.OO.A002CA.01 ตัวเรือนสแตนเลสสตีล ขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำ หน้าปัดสีดำ ราคาป้าย 38,200 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26420RO.OO.A002CA.01 ตัวเรือน Pink Gold ราคาป้าย 57,200 เหรียญสหรัฐฯ
- Ref. 26420TI.OO.A027CA.01 ตัวเรือนไทเทเนียม ราคาป้าย 36,900 เหรียญสหรัฐฯ
สำหรับกลไก 4401 ในรุ่น 43 มิลลิเมตรมาพร้อมกับฟังก์ชั่นแบบเดียวกับ 4404 ทั้ง Coumn-Wheel Flyback Chronograph พร้อมกับ Verticle Clutch เดินด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และมีทับทิมจำนวน 40 เม็ด สำรองกำลังงานได้ 70 ชั่วโมง
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/