OMEGA Seamaster Planet Ocean ใหม่ที่เป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 นับจากที่คอลเล็กชั่นนี้เปิดตัวในปี 2005 มาพร้อมความสวยสปอร์ตและความเปลี่ยนแปลงที่ OMEGA ต้องการสื่อสารถึงการมองไปข้างหน้า มีการปรับตัวเรือนใหม่เน้นความบาง รูปทรงที่กระชับ และไร้ HEV หรือฮีเลี่ยมวาล์ว ในตำแหน่ง 10 นาฬิกา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการจดจำของนาฬิกาในคอลเล็กชั่น Seamaster มีจำหน่ายทั้งหมด 7 รุ่นย่อยพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre 8912 แบบเดียวกับ Ultra Deep

OMEGA Seamaster Planet Ocean Gen 4: บางลง ไร้ HEV สู่ยุคใหม่ของนาฬิกาดำน้ำ
-
เจนเนอเรชั่นที่ 4 ของ OMEGA Seamaster Planet Ocean นับจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2005
-
ปรับตัวเรือนใหม่เน้นความบาง รูปทรงที่กระชับ และไร้ HEV ในตำแหน่ง 10 นาฬิกา
-
มีจำหน่ายทั้งหมด 7 รุ่นย่อยพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre 8912 แบบเดียวกับ Ultra Deep
OMEGA เปิดตัว Seamaster Planet Ocean เจนเนอเรชั่นที่ 4 ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของคอลเล็กชันนี้ (เปิดตัวครั้งแรกปี 2005) โดยมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นความทันสมัยและประสิทธิภาพเหนืออดีต ด้วยการปรับตัวเรือนให้ บางลงอย่างชัดเจน รูปทรงกระชับขึ้น และการตัดองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง He Valve (ฮีเลี่ยมวาล์ว) ที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ออกไป
นาฬิการุ่นนี้ยังคงคุณสมบัติการเป็นนาฬิกาดำน้ำมืออาชีพด้วยการกันน้ำ 600 เมตร และมาพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre 8912 Master Chronometer แบบเดียวกับรุ่น Ultra Deep
![]() |
![]() |
Seamaster Planet Ocean ถูกเปิดตัวออกมาโดยเป็นรุ่นที่ช่วยเสริมและสร้างความแตกต่างจาก Seamaster Diver 300M โดยเน้นไปที่ภาพความสปอร์ต ความแข็งแกร่ง สเป็กที่เหนือกว่า และตัวเรือนที่มีขนาดใหญ่ในระดับ 42 และ 45 มิลลิเมตรสำหรับรุ่นแรก โดยนาฬิการุ่นนี้ถูกเผยโฉมและเป็นที่รู้จักในวงกว้างพร้อมกับการเปิดตัว James Bond คนใหม่อย่าง Daniel Craig ผ่านทางตอน Casio Royale ที่ออกฉายเมื่อปี 2006 จากนั้นในปี 2011 และ 2016 จึงมีการเปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 2 และ 3 ตามออกมา
สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดมีการปรับเปลี่ยนรูปทรงโดยรวมของตัวเรือนอย่างชัดเจนขึ้น ขาสายมีขนาดสั้นลง และตัวเรือนดูแบน พร้อมกับลดความหนาลง โดยรุ่นที่ทำตลาดในช่วงแรกจะเป็นไซส์ 42 มิลลิเมตร และหนา 13.79 มิลลิเมตร ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีตัวเรือน 43.5 มิลลิเมตร และหนา 16.1 มิลลิเมตร ถือว่า OMEGA ขยับลดความหนาลงได้ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งการปรับความยาวของขาสาย ทำให้ Lug to Lug ของตัวเรือนลดลงมาอยู่ที่ 47.50 มิลลิเมตร
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สิ่งที่เปลี่ยนไปและแตกต่างจาก 3 เจนเนอเรชั่นแรกของ Seamaster Planet Ocean คือ ไม่มี EV หรือฮีเลี่ยมวาล์วแบบแมนนวลในตำแหน่ง 10 นาฬิกา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคอลเล็กชั่น Seamaster ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการออกแบบให้ตัวเรือนมีความบาง และความตั้งใจของทาง OMEGA ที่ต้องการให้นาฬิกาเรือนนี้สื่อถึงสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มากกว่าการได้รับแรงบันดาลใจจากอดีต
![]() |
![]() |
รุ่นนี้เปิดตัวด้วยหน้าปัด 3 สี แต่มี 7 รุ่นย่อย เพราะในแต่ละหน้าปัดมีทั้งรุ่นสายสตีล และสายยาง โดยจุดที่เปลี่ยนแปลงคือ รุ่นสายยางจะมาพร้อมกับ Endlink หรือหัวสายที่สอดรับกับสายยางเพิ่มเข้ามาด้วย ทำให้นาฬิกาดูสวยสปอร์ตและมีความแนบสนิทระหว่างหัวสายยางและขอบตัวเรือน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
อีกสิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ ฝาหลัง ซึ่งในรุ่นเจน 2 และ 3 นั้น Seamaster Planet Ocean จะมากับฝาหลังแบบใส แต่ในรุ่นนี้จะกลับไปเหมือนกับรุ่นแรก ด้วยฝาหลังแบบทึบ แต่เป็นแบบแบนเรียบและยิงเลเซอร์สลักเป็นรูปสัญลักษณ์ Seamaster ที่เราคุ้นเคยกัน และฝาหลังแบบขันเกลียวจะผลิตจากไทเทเนียม พร้อมเทคนิค NAIAD ที่สามารถทำให้ลวดลายและข้อความที่อยู่บนฝาหลังอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งตรงหลังจากที่มีการหมุนเกลียวเข้ากับตัวเรือน ซึ่งตามปกติแล้ว เมื่อมีการขันเกลียวลงไปกับตัวเรือนแล้ว ฝาหลังมักจะไม่ได้ตั้งตรงในตำแหน่งที่ควรจะเป็น
![]() |
![]() |
สำหรับกลไกอัตโนมัติเป็นรหัส Calibre 8912 พร้อมความเที่ยงตรงในระดับ Master Chronometer ซึ่งจากเดิมในเจนเนอเรชั่นที่ 3 Seamaster Planert Ocean เริ่มต้นด้วยกลไก 8900 แต่เมื่อมีการเปิดตัวรุ่น Ultra Deep จึงเปลี่ยนมาเป็นรหัส 8912 แทนที่ โดยกลไกรุ่นนี้มากับตลับลาน 2 ชุด และมีกำลังสำรองขยับขึ้นเป็น 60 ชั่วโมง กันน้ำในระดับ 600 เมตร และมีความทนทานต่อสนามแม่เหล็กระดับ 15,000 เกาส์
สำหรับราคาของ OMEGA Seamaster Planet Ocean ใหม่จะประกอบด้วย
รุ่นย่อย (Ref.) |
รายละเอียด |
ราคา (บาท) |
| 217.30.42.21.01.001 / 217.30.42.21.01.002 | หน้าปัดดำ / หน้าปัดดำ ขอบน้ำเงิน (สายสตีล) | 304,000 บาท |
| 217.32.42.21.01.001 / 217.32.42.21.01.002 | หน้าปัดดำ / หน้าปัดดำ ขอบน้ำเงิน (สายยาง) | 283,000 บาท |
| 217.30.42.21.01.003 | ฟอนต์ส้ม/ขอบส้ม (สายสตีล) | 312,000 บาท |
| 217.32.42.21.01.003 / 217.32.42.21.01.004 | ฟอนต์ส้ม/ขอบส้ม (สายยางดำ/ส้ม) | 291,000 บาท |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
จุดเด่นและการเปลี่ยนแปลงหลัก (Gen 4 vs. Gen 3)
คุณสมบัติ |
เจนเนอเรชั่น 4 (ใหม่) |
เจนเนอเรชั่น 3 (เดิม 43.5 มม.) |
| ขนาดตัวเรือน | 42 มิลลิเมตร | 43.5 มิลลิเมตร |
| ความหนา | 13.79 มิลลิเมตร | 16.1 มิลลิเมตร (บางลงมาก) |
| Lug to Lug | 47.50 มิลลิเมตร | ยาวกว่า (กระชับข้อมือขึ้น) |
| He Valve (10 นาฬิกา) | ถูกตัดออก (ไม่มี) | มีวาล์วฮีเลี่ยมแบบแมนนวล |
| ฝาหลัง | แบบทึบ (Titanium) พร้อมเทคนิค NAIAD (สลักลายตั้งตรง) | แบบใส (โชว์กลไก) |
| กลไก | Calibre 8912 (Master Chronometer, 60H Power Reserve) | Calibre 8900 |
⚙️ รายละเอียดทางเทคนิคและราคา
OMEGA Seamaster Planet Ocean Gen 4 (42mm)
-
กลไก: อัตโนมัติ Calibre 8912 Master Chronometer
-
ความถี่: 25,200 ครั้งต่อชั่วโมง
-
กำลังสำรอง: 60 ชั่วโมง
-
การป้องกันแม่เหล็ก: 15,000 เกาส์
-
การกันน้ำ: 600 เมตร
-
วัสดุ: ตัวเรือนและสายสตีล, ฝาหลังไทเทเนียม
-
ขาสายกว้าง: 21 มิลลิเมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline





































