TAG Heuer F1 รุ่นวินเทจกลับสู่ตลาดอีกครั้งพร้อมความพิเศษ เพราะนอกจากจะมากับดีไซน์ใหม่ที่กลิ่นอายของรูปทรงและสีสันเหมือนกับเวอร์ชันดั้งเดิมแล้ว ตัวกลไกยังได้รับการพัฒนา โดยเป็นกลไกควอตซ์แบบ Solargraph เปลี่ยนแสงให้เป็นพลังไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นนาฬิการุ่นที่ 2 ของ TAG Heuer ต่อจาก Aquaracer
TAG Heuer F1 Solargraph มิติใหม่แห่งนาฬิกาพลังแสงอาทิตย์
-
การกลับมาของ F1 รุ่นแรกในยุคทศวรรษที่ 1980 กลับมาอีกครั้ง
-
ตัวเรือนขยายขนาดเป็น 38 มิลลิเมตร ซึ่งมีทั้งผลิตจากสเตนเลสสตีลและ TH-Polylight
-
กลไกควอตซ์แบบ Solargraph เปลี่ยนแสงให้เป็นพลังไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่
หลังจากที่ได้เห็น Aquaracer กินแสงมาแล้วในชื่อ Solargraph ในตอนนี้ เราได้เห็น TAG Heuer ทำอะไรที่แปลกใหม่ออกมาสู่ตลาดอีกด้วยการขยายไลน์อัพของกลไกประเภทนี้สู่นาฬิการุ่นคลาสสิคยอดนิยมอย่าง F1 พร้อมกับหน้าตาและดีไซน์ที่ชวนระลึกถึงวันวานในยุคที่คอลเล็กชั่นนี้เปิดตัวครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่1980 แต่ทว่ามาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยกับกลไกที่สามารถเปลี่ยนแสงอาทิตย์ให้เป็นกระแสไฟฟ้าเก็บในแบตเตอรี่ผ่านทางนาฬิการุ่น TAG Heuer F1 Solargraph
อย่างที่ทราบกันดีว่า ในปีนี้ TAG Heuer ได้เข้ามาเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขัน F1 แทนที่ Rolex และพวกเขาปลุกกระแสของโลกแห่งความเร็วมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนที่ F1 2025 จะเริ่มต้นซีซั่นเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็เคยนำคอลเล็กชั่น F1 ตัววินเทจรุ่นแรกกลับมาทำใหม่แต่ตอนนั้นเป็นการ Collaboration กับ Kith New York
แต่สำหรับที่เห็นอยู่นี้คงต้องบอกว่านี่คือ การนำความวินเทจของ F1 รุ่นแรกกลับมาอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า TAG Heuer F1 Solargraph บนตัวเรือนทั้งวัสดุอย่าง TH-Polylight ซึ่งเป็นพลาสติกแข็งที่มีพื้นฐานมาจากวัสดุชีวภาพ และมีองค์ประกอบทางเคมีคล้ายกับไนลอน โดยนอกจากตัวเรือนแล้วก็ยังใช้วัสดุประเภทนี้ในการผลิตขอบตัวเรือนด้วย ส่วนอีกรุ่นคือ สเตนเลสสตีล ซึ่งสายก็จะมีให้เลือกทั้งแบบสายยาง และสายสเตนเลสสตีล
สิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นดั้งเดิม และรวมถึงรุ่น Kith คือ การขยายขนาดตัวเรือนจากรุ่นดั้งเดิมซึ่งอยู่ที่ 35 มิลลิเมตรมาเป็น 38 มิลลิเมตรในรุ่นนี้ ตามด้วยความหนา 9.5 มิลลิเมตร และ Lug to Lug 45.2 มิลลิเมตร
สิ่งที่น่าสนใจคือกลไกในรหัส TH50-00 ซึ่งเป็นแบบควอตซ์ แต่จะเปลี่ยนแสงรูปแบบต่างๆ ให้เป็นกระแสไฟฟ้าเก็บอยู่ในแบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ซึ่งกลไกนี้ทาง TAG Heuer ได้ทำงานร่วมกับ Citizen Group ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของกลไกที่เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นกระแสไฟฟ้า และได้รับการผลิตที่โรงงานใน La Joux-Perret ของ Citizen Group
เมื่อชาร์จจนเต็มตัวกลไกสามารถทำงานแบบไม่ต้องโดนแสงอาทิตย์อีกเลยได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 เดือน ขณะที่การชาร์จ จะใช้เวลาไม่เกิน 40 ชั่วโมงในการเติมพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จนเต็ม โดยมีการการันตีว่าแบตเตอรี่มีความทนทาน และสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเซอร์วิสนานถึง 15 ปีเต็ม
รุ่นที่เปิดตัวทำตลาดในช่วงแรกจะประกอบด้วย
- Ref.WBY1111.BA0042 : ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล หน้าปัดขาวเรืองแสง แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด เป็นสีแดง ขอบตัวเรือนสีดำ – เปิดตัวในเดือนเมษายน
- Ref.WBY1112.BA0042 : ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล หน้าปัดสีน้ำเงิน แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด เป็นสีขาว ขอบตัวเรือนสีน้ำเงิน – เปิดตัวในเดือนเมษายน
- Ref.WBY1113.BA0042 : ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีล หน้าปัดขาวเรืองแสง แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัดและ ขอบตัวเรือนเป็นสีเขียว – เปิดตัวในรายการ British GP ในวันที่ 4 กรกฎาคม
- Ref.WBY1114.FT8084 : ตัวเรือน TH-Polylight สีดำ หน้าปัดดำ แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัดสีแดง และขอบตัวเรือนเป็นสีดำ – เปิดตัวในรายการ Miami GP ในวันที่ 2 พฤษภาคม
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
- Ref.WBY1117.FT8087 : ตัวเรือน TH-Polylight สีเหลือง สายยางสีเหลือง หน้าปัดดำ แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด และขอบตัวเรือนเป็นสีเหลือง – เปิดตัวในรายการ Mexico GP ในวันที่ 21 ตุลาคม
- Ref.WBY111A.FT8106 : ตัวเรือนสเตนเลสสตีล สายยางสีดำ หน้าปัดขาว แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด เป็นสีแดง ขอบตัวเรือนสีดำ -เปิดตัวในรายการ Barcelona GP ในวันที่ 27 พฤษภาคม
- Ref.WBY1160.FT8085 : ตัวเรือน TH-Polylight สีแดง สายยางสีเขียว หน้าปัดขาว แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด และขอบตัวเรือนเป็นสีเขียว – เปิดตัวในรายการ Monza GP ในวันที่ 5 กันยายน
- Ref.WBY1161.FT8086 : ตัวเรือน TH-Polylight สีแดง สายยางสีแดง หน้าปัดขาว แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด สีแดง และขอบตัวเรือนเป็นสีดำ – เปิดตัวในรายการ Monza GP ในวันที่ 5 กันยายน
- Ref.WBY1162.FT8105 : ตัวเรือน TH-Polylight และสายยางสีน้ำเงิน หน้าปัดขาว แถบ Minute Rail รอบนอกหน้าปัด สีน้ำเงิน และขอบตัวเรือนเป็นสีดำ – เปิดตัวในรายการ Singapore GP ในวันที่ 30 กันยายน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับราคาของ TAG Heuer F1 Solargraph จะอยู่ที่ 1,750-1,850 ฟรังก์สวิสส์ และจะทยอยเปิดตัวตามสนามแข่ง F1 ในแต่ละสนามที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม โดยจะเริ่มวางขายรุ่นแรกในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้
รายละเอียดทางเทคนิค : TAG Heuer F1 Solargraph
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 38 มิลลิเมตร
- ความหนา : 9.9 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 45.2 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สเตนเลสสตีล / TH-Polylight
- กระจก : Sapphire เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- กลไก : Cal.TH50-00 แบบควอตซ์ เปลี่ยนพลังงานแสงเป็นไฟฟ้า
- การกันน้ำ : 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline