การถือกำเนิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันและมีประวัติศาสตร์ร่วมกันได้นำไปสู่การทำงานร่วมกันอีกครั้งระหว่าง Seiko และ Nissan ในการหวนระลึกถึงความสำเร็จของรถสปอร์ต Nissan Fairlady หรือ Datsun 240Z รุ่นแรกในรหัส S30 ที่เปิดตัวในปี 1969 ในช่วงเวลาเดียวกับที่ Seiko เปิดตัวนาฬิกา Speedtimer พร้อมกับการร่วมตะลุยในโลกของมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ซึ่งได้นำมาสู่การเปิดตัวนาฬิกา Seiko Prospex Speedtimer x Datsun 240Z มีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นย่อยจากนาฬิกา 3 รุ่นรวมทั้งเวอร์ชัน Speedtimer แบบ Solar และกรุ่นเริ่มจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้ในแบบ Limited Edition

Seiko Prospex Speedtimer x Datsun 240Z ผสานความเร็วแห่งตำนานยุค 1970
-
เปิดตัวเวอร์ชันพิเศษที่เป็นการ Collaboration กับ Nissan
-
มีจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่นย่อยจากนาฬิกา 3 รุ่นรวมทั้งเวอร์ชัน Speedtimer แบบ Solar
-
ทุกรุ่นเริ่มจำหน่ายในเดือนกันยายนนี้
อีกโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจจาก Seiko เมื่อจับมือกับ Datsun ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยของ Nissan ในการเปิดตัวนาฬิกาจับเวลาที่มีความเชื่อมโยงกับโลกความเร็วในยุคทศวรรษที่ 1970 กับรุ่น Seiko Prospex Speedtimer x Datsun 240Z ซึ่งจะมีจำหน่ายด้วยกัน 4 รุ่นย่อยจาก 3 นาฬิกาในตระกูล Prospex Speedtime ทั้งแบบอัตโนมัติ Chronograph, Solar Chronograph และแบบอัตโนมัติ 3 เข็ม

1960’s ถือเป็นทศวรรษที่สำคัญสำหรับ Seiko ซึ่งได้พัฒนาและยกระดับความก้าวหน้าในการจับเวลาด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหลายรายการในฐานะของผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการเพื่อสนับสนุนนักกีฬาที่ต้องการความแม่นยำและเที่ยงตรงถึงระดับเศษเสี้ยววินาที

นอกจากนั้น ในปี 1969 Seiko ได้เปิดตัวนาฬิกา Speedtimer นาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติเรือนแรกของโลกที่มาพร้อมกับทั้งระบบ Vertical Clutch และ Column Wheel ซึ่งเป็น 2 คุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจับเวลาได้อย่างแม่นยำและในช่วงเวลาเดียวกันนั้น Nissan ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในโลกยานยนต์ด้วยเช่นกัน กับการเปิดตัว Fairlady Z รุ่นแรก มีรหัสตัวถัง S30 ออกสู่ตลาด ซึ่งสปอร์ตรุ่นนี้วางขายทั้งในญี่ปุ่นและอเมริกา ซึ่งในรุ่นส่งออกจะรู้จักกันในชื่อ Datsun 240Z


240Z ได้เข้าร่วมการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และมี Seiko เป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ของทีม โดยในปี 1971 Datsun 240Z หมายเลข 11 สามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันแรลลี่ East-African Safari Rally ระยะทาง 6,200 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดในโลก รวมถึงการเข้าร่วมการแข่งขันแรลลี่ชื่อดังอย่าง Monte Carlo Rally ในปี 1972 และรถหมายเลข 5 จบการแข่งขันในอันดับที่ 3 ประเภท Overall
และเพื่อเชื่อมโยงความสำเร็จในอดีตเข้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน Seiko Prospex Speedtimer x Datsun 240Z จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยกัน 4 รุ่นย่อยจากนาฬิกา 3 แบบ ซึ่งก็คือ
- SRQ057 ในตลาดโลก หรือ SEBC029 ในตลาดญี่ปุ่น มีการผลิตออกมา 500 เรือนและ 120 เรือนจากจำนวนนี้จะเป็นเวอร์ชันที่ขายในญี่ปุ่น ซึ่งตัวนาฬิกาถูกสร้างสรรค์จากนาฬิกา Prospex Speedtimer Mechanical Chronograph รุ่นใหม่ ที่มีขนาดตัวเรือน 42 มิลลิเมตร ซึ่งในเวอร์ชันนี้จะมีการเคลือบตัวเรือนด้วยสีดำ
สเกลจับเวลา Tachymeter ที่อยู่บนขอบตัวเรือนจะมีการลงสีแดงที่ตัวเลข 58-56-54-52-50 ที่อยู่ในช่วงหลักชั่วโมงที่ 12-2 นาฬิกา ตรงนี้สะท้อนถึงสเกลบนอินเสิร์ตของ Speedtimer รุ่นปี 1969 ที่มีแถบสีแดงในช่วงนี้ และมากับสายหนังที่ผลิตโดย LWG หรือ Leather Working Group ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งมั่นผลิตเครื่องหนังอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน Seiko ซึ่งเป็นสมาชิกของ LWG มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสายหนังที่ผลิตจากหนังที่ผลิตโดยโรงฟอกหนังที่ได้รับการรับรองจาก LWG ให้มากกว่า 90% ในอนาคต
รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ รหัส 8R48 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้กับเรือนเวลา 2 รุ่นนี้ มาพร้อมฟังก์ชั่นจับเวลาพร้อมกับระบบ Verticle Clutch และ Column Wheel ซึ่งช่วยในเรื่องความเที่ยงตรงและความนุ่มนวลในการจับเวลา เดินด้วยความถี่ในระดับ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และมีกำลังสำรองอยู่ในระดับ 45 ชั่วโมง โดยฟังก์ชั่นจับเวลาสามารถจับเวลาได้สูงสุด 12 ชั่วโมง
สำหรับราคาอยู่ที่ 473,000 เยน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
- SSC957 สำหรัยตลาดโลก หรือ SBDL121 สำหรับตลาดญี่ปุ่น และเฉพาะในญี่ปุ่นมีอีกรหัสวางขายคือ SBDL123 โดยทั้ง 2 รุ่นถูกพัฒนาบนพื้นฐานของ Speedtimer แบบ Solar พร้อมตัวเรือนขนาด 41.4 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไก V192 โดยรุ่น SSC967 มากับหน้าปัดสีดำ พร้อมอินเนอร์ริงสีแดงที่อยู่รอบหน้าปัด มีจำนวนการผลิต 4,000 เรือน และเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่น 1,200 เรือน ส่วน SBDL123 จะเป็นพื้นหน้าปัดและอินเนอร์ริงสีแดง ส่วนพื้นหน้าปัดย่อยจะเป็นสีดำ รุ่นนี้ผลิตแค่ 300 เรือนและขายเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งทั้ง 2 รุ่นมีราคาเท่ากัน 143,000 เยน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
- SPB517 สำหรับตลาดโลก หรือ SBDC219 สำหรับตลาดญี่ปุ่น มากับตัวเรือนขนาด 39.5 มิลลิเมตร พร้อมกับสายหนังของ LWG โดยรุ่นนี้เป็นหน้าปัดสีดำ และมีขอบ Minute Rail ที่อยู่รอบนอกหน้าปัดเป็นสีขาว ซึ่งช่วยทำให้ตัดกันกับสเกลจับเวลาที่อยู่รอบนอกได้อย่างลงตัว การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไก 6R55 ที่มีกำลังสำรอง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน รุ่นนี้มีจำนวนผลิต 2,500 เรือน และเป็นเวอร์ชันญี่ปุ่น 1,000 เรือน โดยมีราคาอยู่ที่ 176,000 เยน
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับหน้าปัดของทุกรุ่น มีการออกแบบตัวเลขที่อยู่บนสเกลต่างๆ โดยสอดคล้องกับดีไซน์ตัวเลขที่ถูกใช้ในมาตรวัดความเร็วและรอบเครื่องยนต์ ส่วนฝาหลังของรุ่น SRQ057 และ SPB517 จะมีการปั๊มลายโลโก้ของ Datsun ขณะที่รุ่น SSC957 และ SBDL123 จะมีการสลักเป็นภาพของรถ Datsun 240z
ทุกรุ่นมีคิววางจำหน่ายทั่วโลกในช่วงเดือนกันยายนนี้
รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko Prospex Speedtimer SPB517
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 39.5 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 44.5 มิลลิเมตร
- ความหนา : 12 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือนและสาย : สเตนเลสสตีลเคลือบ Diashield
- กระจก : อัตโนมัติ รหัส 6R55
- ความถี่ : 21,600 ครั้ง/ชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน
- การกันน้ำ : 200 เมตร
รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko Prospex Speedtimer SSC957 & SBDL123
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 41.4 มิลลิเมตร
- Lug to Lug: 45.9 มิลลิเมตร
- หนา: 13.3 มิลลิเมตร
- กระจก:Sapphire ทรงโค้ง เคลือบสารกันการสะท้อนแสงด้านใน
- กลไก: V192 ควอตซ์ เปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้า
- ความเที่ยงตรง: +/-15 วินาทีต่อเดือน
- ความจุแบตเตอรี่: อยู่ได้ 6 เดือนเมื่อชาร์จจนเต็มและไม่ได้โดนแสง
- การกันน้ำ: 100 เมตร
รายละเอียดทางเทคนิค : Seiko Prospex Speedtimer SRQ057
- เส้นผ่านศูนย์กลาง: 42 มิลลิเมตร
- ความหนา: 14.6 มิลลิเมตร
- Lug to Lug: 49.5 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย: 20 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน: สแตนเลสสตีล พร้อม Super Hard Coating รมดำ
- กระจก: Sapphire แบบทรงโค้งคู่ และเคลือบสารกันการสะท้อนแสงด้านใน
- กลไก: อัตโนมัติรหัส 8R48 พร้อมระบบจับเวลา Chronograph
- ความถี่: 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง: 45 ชั่วโมง
- การกันน้ำ: 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline



































