ตอนที่ Seiko เปิดตัว PADI Collection ออกมาครั้งแรก เจ้านี่กับเต่า Re-Issue คือ ตัวที่ผมมองเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ปลงใจเอากับ Seiko Diver Kinetic GMT อย่าง SUN065 เพราะความสวยของมัน

Seiko Diver Kinetic GMT SUN065 สวยสะดุดตาในสไตล์ PADI
ตอนที่ Seiko เปิดตัว PADI รุ่นแรกออกมา ผมเชื่อว่าต่อมการพยายามมองหาว่ามันจะกลายเป็นดาวรุ่งสำหรับทำเงินในอนาคตได้หรือไม่ของหลายคนเริ่มทำงาน และนั่นทำให้หลายคนต้องอยู่ในสภาพของการติดดอยเพราะคาดการณ์ผิด ซึ่ง PADI แทบไม่ได้กลายเป็น Rare Item เหมือนกับ Giugiaro Collection แต่นั่นเป็นมุมมองของนักเก็งกำไร แต่สำหรับในมุมของนักสะสม Seiko ต้องบอกว่านี่คืออีกคอลเล็กชั่นที่ดูแล้วสวยลงตัวอย่างมาก โดยเฉพาะรุ่นที่อางอิงพื้นฐานของ Seiko Diver Kinetic GMT อย่าง SUN065
ถ้าอ่านงานรีวิวของผมจะพบว่าตัวเองเคยเล่าความประทับใจ และการผ่านเข้าผ่านออกของนาฬิกาในตระกูล Diver Kinetic GMT มาหลายครั้ง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นนาฬิกาที่ผมค่อนข้างชอบในแง่ของหน้าตา และขนาดที่ค่อนข้างสะใจคนที่ข้อมือใหญ่ในระดับ 7 นิ้ว (ถ้าต่ำกว่านี้ผมไม่แนะนำ) และในเมื่อได้เห็นหน้าตาของเจ้า PADI ที่ใช้พื้นฐานของนาฬิการุ่นนี้ บอกเลยว่า งานนี้ต้องมีการสลับเข้าออกกันอีกครั้ง เพราะแม้ว่าจะชอบ แต่ก็ไม่ได้โปรดปรานถึงขนาดจะต้องมีแบบเดียวกันแต่ต่างสีอยู่ในกรุถึง 2 เรือน
จริงๆ แล้วผมได้เจ้า PADI นี้มานานแล้ว ประมาณปลายปี 2016 หรือช่วงที่กระแส PADI กำลังเริ่มขึ้น และหลายคนเริ่มเก็งกำไรว่ามันจะคือดาวรุ่งดวงใหม่ในตลาด แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราคาก็ไม่ได้ขยับอย่างที่หลายคนหวัง และทำเอาคนที่ตามในช่วงแรกๆ ถึงกับติดดอยด้วยซ้ำ เพราะถ้าจำไม่ผิดราคาของ ‘ว่าที่’ ดาวรุ่งอย่าง Turtle Re-Issue PADI ในรหัส SRPA21 เคยขึ้นถึงเฉียด 20,000 บาท แต่ในปัจจุบัน แค่คุณกำเงิน 13-14K ก็สามารถหาของใหม่ได้แล้ว
ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และบรรดา PADI Collection ที่ออกมาในรุ่นหลังๆ แบบ Limited Edition อย่าง Sumo หรือ MarineMaster 300m Quartz ก็ไม่ได้ดังหรือของหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วอย่างที่คิด และยังสามารถหาของใหม่ในกลุ่ม Facebook ได้ในราคาที่ไม่ได้สูงกว่าราคาป้ายแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้สนใจกับเรื่องของการเก็งกำไรอะไรทำนองนี้อยู่แล้ว เรียกว่ามีนิสัยค่อนข้างเสียในมุมของการเป็นพ่อค้า เพราะมักจะชอบอะไรที่มันสวนกระแส และเอาความชอบของตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ ซึ่งอย่าง Diver Kinetic GMT PADI ก็ไม่ได้มีความนิยมในตลาดเท่าที่ควร อาจจะเพราะเป็นนาฬิกาแบบ Kinetic ที่เหมือนกับนาฬิกาควอตซ์ แต่มีโรเตอร์เหวี่ยงสำหรับสะสมพลังงานเพื่อเก็บไฟฟ้าเข้าในตัวเก็บประจุ และที่สำคัญ ราคาค่อนข้างแพงกว่านาฬิกาอัตโนมัติด้วยซ้ำ
แต่ถ้าชอบก็อย่าได้หวั่น…ผมมักจะบอกตัวเองอย่างนี้เสมอ 5555
จริงๆ แล้วในบรรดา PADI ทั้งหมด แม้แต่ Sumo และ MarineMaster 300m Quartz ผมว่าเจ้า Diver Kinetic GMT PADI นี่แหละที่หน้าตาดูสวยและลงตัวมากที่สุด ส่วนหนึ่งที่ชอบอาจจะเป็นเพราะทาง Seiko เลือกใช้โทนสีน้ำเงินเข้มแทนที่จะเป็นสีน้ำเงินสว่างๆ แบบสะท้อนแสงเหมือนกับนาฬิการุ่นอื่นๆ ในคอลเล็กชั่นนี้ และเมื่อตัดกับสีแดง ซึ่งถูกนำมาใช้กับเข็ม GMT และสายยางสีดำแล้ว บอกได้คำเดียวเลยว่า ถูกใจอย่างมาก
และสารภาพเลยว่า หลังจากที่ได้มาและผมพยายามลองเปลี่ยนสายหนังที่อยู่ในกรุหลายเส้น สุดท้ายแล้ว ก็ได้คำตอบว่า ‘ไม่ต้องพยายาม’ ผมว่าสายเดิมที่ติดมาจากโรงงานนี่แหละ คือ เนื้อคู่ที่ดูดีและเข้ากันในเชิงภาพรวมของตัวนาฬิกามากที่สุด
เจ้ายักษ์นี่มากับตัวเรือนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางระดับ 47.5 มิลลิเมตร และหนาถึง 15 มิลลิเมตร ดังนั้นสิ่งที่ผมจะต้องขอเตือนก่อนสำหรับคนที่ชอปปิ้งออนไลน์คือ ถ้าข้อไม่ใหญ่อย่าเสี่ยง เพราะขนาดผมข้อมือไซส์ 7 นิ้ว เวลาขึ้นข้อแล้วยังออกแนวกางๆ เลย ซึ่งประเด็นหนึ่งอาจจะเป็นเพราะรูปทรงของสายยางที่มีการออกแบบให้มีข้อย่นและบวมออก ส่วนใครที่ชอบนาฬิกาไซส์อยู่แล้วก็จัดได้เลย
อย่างที่บอกตั้งแต่แรกว่า ผมค่อนข้างชอบตัวนาฬิกาและภาพรวมของการให้สีใน PADI คอลเล็กชั่นนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะประทับใจไปทั้งหมดในส่วนของนาฬิการุ่นนี้ และเจ้ากลไก 5M85 ก็ยังเป็นอะไรที่กวนใจผมเวลาใช้งานอยู่เสมอ โดยเฉพาะพวกที่มีนาฬิกาอยู่ในกรุหลายเรือนแล้วต้องวนกันใส่
นาฬิกา Kinetic ก็เหมือนกับนาฬิกาควอตซ์ในตระกูลกินแสง ที่คุณจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องของการเติมพลังงานเข้ามาอยู่ในตัวเก็บประจุหรือแบตเตอรี่เพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าเกลี้ยงถังจนนำไปสู่อาการเสื่อมในที่สุด ดังนั้น บ่อยครั้ง ผมต้องเอาออกมาเขย่า หรือใส่แล้วกับขยับข้อมืออยู่บ่อยๆ เพื่อให้มีการชาร์จเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าหลายคนที่มีนาฬิกาสไตล์นี้อยู่ในกรุน่าจะต้องทำแบบนี้ หรือไม่ก็ไปที่เคาน์เตอร์ Seiko แล้วขอใช้บริการเครื่องชาร์จพลังก็ได้ ซึ่งพนักงานขายที่คุ้นเคยใน The Mall บางกะปิก็บอกว่าให้เอานาฬิกามาทิ้งไว้หากต้องการชาร์จพลังงาน เพราะที่นี่มีเครื่องให้บริการอยู่
ส่วนปัญหากวนใจที่ 2 คือ ผมไม่ชอบเลยกับการปรับเข็ม GMT และ Date ในสไตล์ Seiko ที่ไม่สามารถปรับได้อย่างอิสระเหมือนกับนาฬิกา GMT แบบอื่นๆ เพราะสิ่งที่ผมจะต้องเจอ 2 อย่างคือ อย่างแรก ต้องปรับวันที่ในเดือนที่มีแค่ 30 วัน ซึ่งการปรับวันที่ของกลไกนี้คุณต้องหมุนเข็ม GMT วน 2 รอบเพื่อให้ครบ 1 วัน แล้วลองคิดดูว่า ในกรณีที่คุณดันลืมไว้ในกล่องจนแบตเตอรี่ไม่มีไฟ แล้วต้องมานั่งตั้งเวลาและวันที่ใหม่แบบว่าวันนี้วันที่ 29 แต่วันที่บนนาฬิกาก่อนแบตเตอรี่หมดอยู่ที่วันที่ 13 มันเป็นอะไรที่ทรมานโคตรๆ เลย แล้วก็ไม่กล้าหมุนเร็ว เพราะกลัวเข็ม GMT จะกระเด็นหลุดออกมา
และอย่างที่ 2 คือ การหมุนตั้งเวลา เรียกว่าเกือบทุกครั้งผมต้องเปิดไฟล์แมนนวลของกลไกนี้ที่ดาวน์โหลดมาเก็บใน iPad เพื่ออ่านวิธีการตั้งอยู่เสมอ ก็ไม่ใช่ว่านี่คือเรือนแรกของตัวเองนะ ผ่านมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยจำได้สักที แล้วลองคิดว่าถ้าผมต้องเดินทางไปโน่นมานี่เหมือนกับสมัยก่อนบ่อยๆ และต้องใช้ฟังก์ชั่น GMT อยู่เสมอๆ งานนี้ได้หมุนกันเพลินเลย
ในแง่ของการได้รับความนิยมในกลุ่มของคนเล่นนาฬิกานั้น แม้จะไม่ได้เยอะมาก แต่ก็มีแบบพอประมาณสำหรับคนที่บ้าควักเงินในระดับหมื่นค่อนมาทางปลายๆ หลังหักส่วนลดแล้วเพื่อแลกกับนาฬิกา Kinetic ที่เข็มวินาทีเดินแบบกระตุกๆ เหมือนควอตซ์ และต้องการดูแลรักษาระดับหนึ่ง ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถ้าถามว่าชอบไหม บอกได้เลยว่าชอบมาก และเป็นนาฬิกาที่เรียกแขกให้กับผมได้มากพอๆ กับเจ้า Tuna เลย เพราะส่วนใหญ่จะชอบเข้ามาถามว่ามันคือนาฬิกาอะไร ทำไมถึงใหญ่จัง
จะเสียดายอย่างเดียวและแอบเซ็งเสมอก็ตรงที่ ทั้งหมดที่เข้ามาถามดันเป็นผู้ชายซะนี่ ไม่มีสาวๆ เลย
คุณสมบัติของ : Seiko Diver Kinetic GMT SUN065
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 47.5 มิลลิเมตร (ไม่รวมเม็ดมะยม)
- ความหนา : 15 มิลลิเมตร
- Lug-to-Lug : 52 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก : 154 กรัม
- ความกว้างขาสาย : 24 มิลลิเมตร
- กันน้ำ : 200 เมตร
- กระจก : Sapphire แบบ Double พร้อม Anti-Reflective Coating
- กลไก : 5M85 Kinetic
- จุดเด่น : เพียบด้วยฟังก์ชั่น และใส่สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาตั้ง หน้าตาสวย
- จุดด้อย : เรือนใหญ่ หนา อาจไม่เหมาะกับคนข้อมือต่ำกว่า 7 นิ้ว ราคาที่อาจจะแพงไปหน่อย และฟังก์ชั่นการตั้งเวลาของ GMT ที่ดูยุ่งยาก
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigiwatch/