หลังจากที่มีข่าวมานาน ในที่สุด Seiko 5 และ 5 Sports ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกับการพลิกภาพลักษณ์ใหม่ให้ดูสวยและสปอร์ตขึ้นเพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย แต่ตัวนาฬิกายังยึดคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาเหมือนกับ (ไซโก้) Seiko 5 Sports ที่เกิดขั้นเมือปี 1963
Seiko 5 Sports ถึงเวลาพลิกภาพลักษณ์ใหม่แล้ว
แม้ว่าคอลเล็กชั่น 5 Sports ของ Seiko จะเกิดมาจากหลัก 5 ประการที่ Seiko วางเอาไว้ แต่สำหรับคนเล่น Seiko ส่วนใหญ่แล้ว มุมมองที่เกิดขึ้นคือ นี่คือ นาฬิกาในกลุ่ม Entry-Level ที่มีราคาหลักพันกลางๆ ไปจนถึงหมื่นนิดๆ
สำหรับคนที่อาจจะมีงบไม่ถึงสำหรับคอลเล็กชั่นที่สูงขึ้นไปอย่าง Prospex และหลังจากที่มีข่าวมานานในการพยายามพลิกภาพลักษณ์และสร้างทิศทางใหม่ให้กับคอลเล็กชั่นนี้ ในที่สุดก็มีการยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว
ก่อนไปถึงเรื่องนั้น เรามาทำความรู้จักกับคอนเซ็ปต์ 5 และ 5 Sports ของ Seiko กันก่อน ซึ่งคำนี้ไม่ใช่แค่คอลเล็กชั่นเท่านั้นแต่เป็นแนวคิดในการสร้างนาฬิกาของ Seiko ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 1963 โดยเป็นการปรับ Standard ใหม่ให้กับ นาฬิกากลไก (Automatic Machine) ด้วย 5 คุณลักษณะ คือ
- ใช้กลไกอัตโนมัติ
- มีช่องแสดงวันและวันที่
- มีความสามารถในการกันน้ำ
- การวางเม็ดมะยมในตำแหน่ง 4 นาฬิกา (แต่รุ่นหลังๆ ก็มีเห็นเป็น 3 นาฬิกาเหมือนกัน)
- ใช้เหล็กที่มีความทนทานสำหรับตัวเรือนและสาย
จะเห็นได้ว่านิยามที่ Seiko ให้ไว้กับ 5 นั้นไม่ใช่การผลิตนาฬิกามาเพื่อให้มีราคาถูก แต่เป็นนาฬิกาที่มีความคุ้มค่ากับราคา แต่ด้วยราคาที่ตั้งเอาไว้ไม่แพง หลายคนก็เลยมองว่านี่คือนาฬิกากลไกที่มีราคาถูกที่สุดของ Seiko
ทั้งที่นาฬิกาบางเรือนของ 5 และ 5 Sports ดูสวยและสปอร์ตมาก เช่น Mini Monster แถมยังใช้กลไกเทียบเคียงกับนาฬิการุ่นที่สูงกว่า ทั้งกลไก 7S26 และในปัจจุบันก็มี 4R36
นอกจากนั้น สัญลักษณ์ของ Seiko 5 ที่อยู่บนหน้าปัด สำหรับบางคน (รวมถึงผมด้วย) มันรู้สึกว่าจะไม่ค่อยโอเคเท่าไร และเป็นตัวบั่นทอนความสวยงามโดยรวมของนาฬิกาไปด้วย
ดังนั้น ข่าวการพลิกภาพลักษณ์ ซึ่งบางเว็บใช้คำว่า Renaissance ของ Seiko 5 ด้วยโลโก้ใหม่ จึงถูกเฝ้าจับตามองมาโดยตลอดนับตั้งแต่มีข่าวเล็ดรอดออกมาในโลกออนไลน์ และมาเป็นจริงเอาในช่วงนี้
ซึ่ง Seiko ยังยึดมั่นกับคำว่า 5 เพียงแต่เปลี่ยนความหมายในการสื่อออกไปในแง่ของสไตล์ในแบบ 5S คือ Sports Suits Specialist Street และ Sense พร้อมกับโลโก้ใหม่ที่ดูแล้วออกแบบได้อย่างลงตัวขึ้น
สำหรับนาฬิการุ่นแรกที่พวกเขานำมาเปิดศักราชใหม่ของ Seiko 5 คือ นาฬิกาที่มีรูปทรงคล้ายกับ SKX ที่เป็นนาฬิกาในกลุ่มดำน้ำที่มีหน้าปัดขนาด 42.5 มิลลิเมตร Lug to Lug 46 มิลลิเมตร และหนา 13.4 มิลลิเมตร ใช้กลไกพื้นฐานอย่าง 4R36 พร้อมฝาหลังใสมองเห็นกลไก เพียงแต่ความสามารถในการกันน้ำมีแค่ 100 เมตร และไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนาฬิกาดำน้ำเหมือนกับ SKX
ที่น่าตกใจคือ Seiko ซอยเป็นรุ่นย่อยออกมามากถึง รุ่นด้วยกัน กับหน้าปัด ขอบ Bezel และสายที่แตกต่างกันออกไปทั้งสายเหล็ก สายเหล็กถักแบบ Milanese สายยาง และสาย NATO คือ
-ในกลุ่ม Sports เน้นสายเหล็กและสายนาโต้จะเป็นรุ่น SRPD51K1, SRPD51K2, SRPD53K1,SRPD55K1, SRPD55K3, SRPD57K1, SRPD59K1, SRPD61K1, SRPD63K1, SRPD65K1 และ SRPD65K4
-ในกลุ่ม Suits ออกแบบในแนววินเทจด้วยหน้าปัดที่มีพรายน้ำออกเหลืองๆ ใช้สายเหล็กถัก และสายยาง คือรุ่น SRPD65K2, SRPD67K1,SRPD69K1,SRPD71K1, SRPD71K2, SRPD73K1, SRPD73K2 และ SRPD75K1
-ในกลุ่ม Specialists มีทั้งตัวเรือนสแตนเลส ตัวเรือนรมดำ และเคลือบ PVD สี Rosegold และใช้สายหนัง คือ SRPD55K2, SRPD65K3 และ SRPD76K1
-ในกลุ่ม Street เน้นโทนสีดำของตัวเรือนกับพรายน้ำที่มีสีสัน และใช้สาย NATO มีรุ่น SRPD79K1, SRPD81K1 และ SRPD83K1
-ในกลุ่ม Sense มากับหน้าปัดที่แตกต่างแบบมีพื้นผิวขรุขระ ไม่เรียบเหมือนกับ 4 กลุ่มแรก มีเพียง 32 รุ่นคือ SRPD77K1 หน้าปัดสีเขียว และ SRPD85K1 สำหรับสีน้ำตาล
สำหรับราคาคาดว่าจะอยู่ราวๆ 280-340 ยูโร หรือ 10,000-11,900 บาท เรียกว่าเป็นการอัพเกรดหน้าตาและภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ และอย่างที่บอกตั้งแต่ต้น Seiko 5 ไม่ใช่กลุ่มนาฬิกาที่มีราคาถูกของ Seiko
ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko 5 Sports 2019
- เส้นผ่านศูนย์กลาง 42.5 มิลลิเมตร
- Lug to Lug 46 มิลลิเมตร
- หนา 13.4 มิลลิเมตร
- กระจก Hardlex
- กลไก 4R36
- จำนวนทับทิม 24 เม็ด
- ความถี่ 21,600 ครั้งต่อชั่วโมง
- สำรองพลังงาน 41 ชั่วโมง
- ความเที่ยงตรง +45 ถึง -35 วินาทีต่อวัน
- การกันน้ำมีแค่ 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/