นับจากปี 2020 ORIS มีนาฬิกาฉลองวันเกิดที่เรียกว่า Hölstein Edition เปิดตัวออกมาทุกวันที่ 1 มิถุนายน และในปีนี้ ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 6 แล้วสำหรับคอลเล็กชั่นนี้ โดยมากับตัวเรือนไซส์ 41.5 มิลลิเมตรแบบสตีลเคลือบ DLC ของรุ่น BC ProPilot พร้อมหน้าปัดแบบ Full-Lume จะมีภาพของ ORIS Bear ตัวใหม่เรืองแสงขึ้นมา และขับเคลื่อนด้วย Calibre 400 ที่มีกำลังสำรอง 5 วัน โดยการผลิตจะมีเพียง 250 เรือนทั่วโลก
ORIS Hölstein Edition 2025 ฉลองวันเกิดพร้อม ORIS Bear ใหม่
-
นาฬิการุ่นพิเศษที่ถูกส่งมาทุกวันที่ 1 มิถุนายนนับจากปี 2020
-
รุ่นใหม่มากับตัวเรือนไซส์ 41.5 มิลลิเมตรแบบสตีลเคลือบ DLC ของรุ่น BC ProPilot
-
หน้าปัดแบบ Full-Lume จะมีภาพของ ORIS Bear ตัวใหม่เรืองแสงขึ้นมา
นับจากปี 2020 เมื่อถึงวันที่ 1 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นวันเกิดของ ORIS ทางแบรนด์จะมีการเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษที่เรียกว่า Hölstein Edition ออกมา และในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน เวอร์ชันสำหรับปี 2025 ได้เปิดตัวออกมาแล้ว และครั้งนี้คอลเล็กชั่น Big Crown Pro Pilot ได้รับเลือกให้รับหน้าที่ในการเป็นนาฬิกาสุดพิเศษรุ่นนี้ ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ 6 โดยจะมีการผลิตออกสู่ตลาดจำนวนทั้งสิ้น 250 เรือน
Oris ตั้งอยู่ในหมู่บ้านของสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองโฮลสไตน์ มาตั้งแต่ปี 1904 ซึ่งเป็นสถานที่แห่งแรงบันดาลใจและความสุขเสมอมา โดยเรื่องราวของแบรนด์เกิดขึ้นเมื่อช่างนาฬิกาผู้มีวิสัยทัศน์สองคนออกเดินทางจากเมือง Le Locle ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตนาฬิกาในเขตที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสของสวิตเซอร์แลนด์ มุ่งหน้าขึ้นเหนือและไปทางตะวันออกสู่เมือง Basel ซึ่งอยู่ในภูมิภาคของประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมัน
ในวันที่ 1 มิถุนายนของปีนั้น พวกเขาได้จดทะเบียนกิจการผลิตนาฬิกาอิสระแห่งใหม่ และตั้งชื่อว่า “ORIS” ตามชื่อของลำธารใกล้เคียง เวลากว่า 120 ปีผ่านไป ชื่อนี้ยังคงอยู่ และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
นี่คือเรื่องราวที่เคยเล่ามาแล้วหลายครั้ง แล้วทำไมถึงยังต้องเล่าอีกครั้ง ?
คำตอบง่ายๆคือ เพราะ ORIS ภูมิใจกับเรื่องราวนี้ หลายต่อหลายรุ่นของผู้คนได้ก้าวผ่านประตูของโรงงานสีพีชโรสอันเป็นเอกลักษณ์ ณ ใจกลางหมู่บ้าน Hölstein ซึ่งเป็นหมู่บ้านอันเงียบสงบและงดงามในหุบเขา Waldenburg การได้มาทำงานที่นี่ในทุกวันและได้สืบสานมรดกที่พวกเขาได้วางรากฐานไว้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
แล้วมรดกของพวกเขาคืออะไร? หนึ่งในเหตุผลที่ผู้ก่อตั้งของเราเลือกมาตั้งรกรากที่นี่ ก็เพื่อสร้างบริษัทที่มีอุดมคติใหม่และแตกต่าง ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 แนวคิดใหม่ๆยังเดินทางได้ช้ากว่าทุกวันนี้มาก แต่พวกเขามองเห็นแล้วว่า หากนำเทคนิคการผลิตอุตสาหกรรมอันทันสมัยจากฝั่งตะวันออกมาผสานเข้ากับงานฝีมือแบบดั้งเดิมจากฝั่งตะวันตก ก็จะสามารถรังสรรค์นาฬิกาที่ทั้งสวยงาม มีคุณภาพสูง และในราคาที่ผู้คนจำนวนมากเข้าถึงได้
ปรัชญานี้คือหลักคิดเบื้องหลังทุกการตัดสินใจของพวกเขา และผู้คนต่างก็ชื่นชอบ แนวทางดังกล่าวทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือและนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ใหญ่ที่สุดในโลก จนถึงวันนี้ ปรัชญาแห่งความยุติธรรมแบบเดียวกันยังคงนำทางให้กับแบรนด์ และ ORIS ยังคงสร้างสรรค์นาฬิกา Swiss Made ที่งดงามเหนือกาลเวลา และนาฬิกาทุกเรือนยังคงขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลทั้งหมด ซึ่งเป็นความมั่นคงที่ดำรงอยู่มานานกว่า 120 ปี
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับ ORIS Hölstein Edition 2025 เมื่อดูผ่านๆ อาจจะไม่คิดว่านาฬิกาเรือนนี้มีอะไรพิเศษ นอกเหนือจากหน้าปัดแบบ Full–lume แบบเรืองแสงขึ้นมาทั้งแผ่น แต่จริงๆ แล้วภายใต้หน้าปัดสีขาวนี้เมื่อมีการเรืองแสงขึ้นมา จะมีการซ่อนกิมมิคเล็กๆ เอาไว้ นั่นคือ มีสัญลักษณ์ ORIS Bear ที่เป็นรุ่นใหม่ ปรากฏขึ้นมาบนพื้นที่ช่วง 3–4 นาฬิกาบนหน้าปัด ขณะที่ฝาหลังแบบใส นอกจากจะได้เห็นกลไก Calibre 400 แล้ว ยังมีการเคลือบสารเรืองแสงเอาไว้ตรงขอบรอบนอกของกระจกบนฝาหลังด้วย ซึ่งจะมีการเรืองแสงขึ้นมาเช่นกันเมื่ออยู่ในที่มืด
![]() |
![]() |
ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแสงแบบใด รายละเอียดต่างๆ ทั้งตัวเลขแบบนูนสีดำด้านที่ออกแบบขึ้นเฉพาะ เข็มชั่วโมง เข็มนาที เข็มวินาที และสเกลนาที ล้วนปรากฏในรูปแบบซิลูเอตที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และเช่นเดียวกับ Hölstein Editions รุ่นก่อนๆ นาฬิกาเรือนนี้ไม่มีหน้าต่างวันที่ ซึ่งยิ่งเสริมความความพิเศษให้เป็นนาฬิกาที่น่าสะสมอย่างแท้จริง
![]() |
![]() |
![]() |
ตัวเรือนเป็นสตีลเคลือบ DLC สีดำมีขนาด 41.5 มิลลิเมตร มาพร้อมกับสายผ้าและบานพับแบบพิเศษที่เป็นเอกสิทธิ์ของ ORIS ซึ่งออกแบบโดยอ้างอิงหัวเข็มขัดนิรภัยของเครื่องบินพาณิชย์
กลไกอัตโนมัติ In–House Calibre 400 ยังรับหน้าที่ในการขับเคลื่อนนาฬิกาเรือนนี้ โดยมาพร้อมกับกำลังสำรองในระดับ 5 วัน หรือ 120 ชั่วโมง มีความเที่ยงตรงในระดับ +3 ถึง -5 วินาทีต่อวัน ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับมาตรฐานของ Chronometer และมีความทนทานต่อสนามแม่เหล็ก อีกทั้ง ORIS ยังรับประกันนานถึง 10 ปีเมื่อมีการลงทะเบียนผ่านทาง MyORIS บนเว็บไซต์
สำหรับราคาของ ORIS Hölstein Edition 2025 อยู่ที่ 4,150 ฟรังก์สวิสส์ และมีจำหน่ายเพียง 250 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ส่วนในเมืองไทยข่าวแจ้งมาว่ามีเข้ามาเพียง 10 เรือนเท่านั้น
รายละเอียดทางเทคนิค : ORIS Hölstein Edition 2025
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 41.5 มิลลิเมตร
- ความหนา : 11.9 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 49.0 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 20 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สเตนเลสสตีลเคลือบ DLC
- กระจก : Sapphire พร้อมเคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- หน้าปัด : สีขาว เคลือบสาร Super-LumiNova® เรืองแสงเป็นสีเขียวในที่มืด และเผยให้เห็น Oris Bear ระหว่างตำแหน่ง 3 ถึง 4 นาฬิกาเมื่อเรืองแสง
- ฝาหลัง : สเตนเลสสตีล ขันสกรู พร้อมกระจกแซฟไฟร์เผยให้เห็นกลไกภายใน เคลือบ DLC สีดำ สลักลวดลายพิเศษ และวงแหวนตกแต่งที่พิมพ์และเคลือบด้วย Super-LumiNova®
- กลไก : อัตโนมัติ Calibre 400
- ความเที่ยงตรง : +3 ถึง -5 วินาทีต่อวัน
- ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
- กำลังสำรอง : 5 วัน หรือ 120 ชั่วโมง
- การกันน้ำ : 100 เมตร
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline