Oris Big Crown Pointer Date พลิกโฉมใหม่พร้อมหลากหลายกลไกอัตโนมัติ

Oris เปิดตัวโฉมใหม่ของนาฬิกาสุดคลาสสิคอย่าง Big Crown ซึ่งมาพร้อมกับตัวเรือนและหน้าปัดที่ได้รับการออกแบบใหม่ขนาดตัวเรือนที่ทำตลาดจะมีทั้งไซส์ 34 และ 40 มิลลิเมตร ทั้งสายสตีล และสายหนัง เช่นเดียวกับกลไกที่มีถึง 3 ทางเลือกของกลไกมีทั้ง Oris 541, Oris 754 และ In-House Cal.403

Oris Big Crown Pointer Date พลิกโฉมใหม่พร้อมหลากหลายกลไกอัตโนมัติ

• รุ่นใหม่ของ Big Crown Pointer Date พลิกโฉมดีไซน์ และมีหลากหลายทางเลือก

• ขนาดตัวเรือนที่ทำตลาดจะมีทั้งไซส์ 34 และ 40 มิลลิเมตร

• 3 ทางเลือกของกลไกมีทั้ง Oris 541, Oris 754 และ In-House Cal.403

นาฬิกาที่ถือว่าอยู่คู่กับแบรนด์ Oris มานานจนกลายเป็น Iconic ที่ได้รับการจดจำรุ่นหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ทาง Oris ได้เปิดตัว Oris Big Crown Pointer Date รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดแล้ว โดยจะมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยบน 2 ขนาดตัวเรือน คือ 34 และ 40 มิลลิเมตร พร้อมกลไกทั้งแบบอัตโนมัติในรหัส Oris 531, Oris 754 และ Calibre 403

Big Crown ถือเป็นนาฬิการะดับ Iconic ของแบรนด์ และมีเรื่องราวรวมถึงประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 80 ปีนับจากปี 1938 เรื่องราวของนาฬิการุ่น Big Crown Pointer Date ถือเป็นตำนานของ Oris โดยนาฬิการุ่นนี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1930 เมื่อ Oris เป็นบริษัทอิสระที่เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในด้านนาฬิกาข้อมือที่มีความเที่ยงตรงสูง

พวกเขาต้องผลิตนาฬิกาที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง นั่นก็คือนักบิน ดังนั้น นาฬิกาจะต้องแม่นยำและเชื่อถือได้มากที่สุด แต่ก็จะต้องใช้งานและอ่านเวลาได้ง่ายด้วยเช่นกัน เพราะห้องนักบินนั้นไม่สะดวกสบาย ทั้งแคบ กระด้าง และเย็นอยู่ตลอดเวลา

วิธีแก้ปัญหาของ Oris คือการผลิตนาฬิกาทรงกลมที่มีความเรียบง่ายด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีล หน้าปัดสีดำ ตัวเลขอารบิกขนาดใหญ่ที่ตำแหน่ง 12, 3 และ 9 และเม็ดมะยมขนาดใหญ่ที่นักบินสวมถุงมือสามารถจับได้ นาฬิการุ่นนี้ยังมีระบบบอกวันที่ด้วยเข็มตรงกลางพร้อมปลายลูกศรสีแดง วิธีนี้จะทำให้ใช้งานได้จริงและอ่านเวลาได้ง่าย เป็นนาฬิกาสำหรับใช้งานที่ต้องใช้ความพยายามมากที่สุดเท่าที่จะนึกออกได้ และทุกอย่างก็สำเร็จด้วยดี พร้อมกับการเป็นตำนานบทใหม่ให้กับแบรนด์

Oris Big Crown Pointer Date รุ่นใหม่ มาพร้อมกับการปรับปรุงในแง่ของดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ตัวเรือนยังเป็นทรงกลม แต่ขอบตัวเรือนที่เป็นแบบรอยหยักในรุ่นเดิมถูกเปลี่ยนมาเป็นขอบวงแหวนแบบบาง และพื้นผิวเรียบ ในรุ่นใหม่นี้จะมีทั้งรุ่นสายหนัง และสายสตีลที่ได้รับการออกแบบใหม่ ตัวบานพับถูกออกแบบในสไตล์ H-link สวมใส่สบายกระชับรับกับข้อมือ

สำหรับรุ่นที่ทำตลาดจะแบ่งตามกลไก คือ

กลไกอัตโนมัติ Oris 541 ที่มีกำลังสำรอง 42 ชั่วโมง โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ

• Ref. 01 531 7797 4056-07 8 17 06 หน้าปัดสีน้ำตาลอ่อน
• Ref. 01 531 7797 4094-07 8 17 06 รุ่น Big Crown Diamond มากับหน้าปัดสีดำ และหลักชั่วโมงประดับด้วยเพชร Lab-Grown ตรงหลักชั่วโมง จำนวน 12 เม็ด

กลไกอัตโนมัติ Oris 754 ที่มีกำลังสำรอง 41 ชั่วโมง แบบ Pointer Date โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ

• Ref. 01 754 7798 4068-07 8 20 06 หน้าปัดสีม่วง Calming Lilac
• Ref. 01 754 7798 4069-07 8 20 06 หน้าปัดสีเหลือง Warm Yellow
• Ref. 01 754 7798 4065-07 8 20 06 หน้าปัดสีฟ้า Turquoise Blue

กลไกอัตโนมัติ In-House Oris Cal.403 แบบ Pointer Date มีกำลังสำรอง 5 วัน หรือ 120 ชั่วโมง มี 4 รุ่น คือ

• Ref. 01 403 7799 4068-07 8 20 06 หน้าปัดสีส้ม Terraquotta สายสตีล
• Ref. 01 403 7799 4068-07 6 20 11FC หน้าปัดสีส้ม Terraquotta สายหนัง Cervo Volante
• Ref. 01 403 7799 4067-07 8 20 06 หน้าปัดสีเขียว สายสตีล
• Ref. 01 403 7799 4067-07 6 20 09FC หน้าปัดสีเขียว สายหนัง Cervo Volante

สำหรับ Oris Big Crown Pointer Date รุ่นกลไกอัตโนมัติ มีราคาอยู่ที่ 80,900 บาท ส่วนรุ่น Cal.403 ถ้าเป็นรุ่นสายหนัง ราคาอยู่ที่ 144,900 บาท และรุ่นสายสตีล 152,900 บาท

รายละเอียดทางเทคนิค : Oris Big Crown Pointer Date

• เส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน 34 และ 40 มิลลิเมตร
• ความหนา : 11.1 / 12.0 / 12.3 มิลลิเมตร
• Lug to Lug : 41.0 / 47.5 / 47.5 มิลลิเมตร
• ความกว้างขาสาย : 17.0 / 20.0 / 20.0 มิลลิเมตร
• กระจก : Sapphire ทรงโดมทั้ง 2 ฝั่ง
• กลไก : อัตโนมัติ Oris 541, Oris 754 และ In-House Cal.403
• กำลังสำรอง : 42 / 41 / 120 ชั่วโมง
• การกันน้ำ : 50 เมตร

Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/

YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline