ORIS Big Crown Calibre 113 เป็นนาฬิกาเรือนหนึ่งที่น่าสนใจ และวันนี้เราจะมาคุยกับ Beat Fischli ซึ่งดำรงตำแหน่ง COO หรือ Chief Operating Officer ของ ORIS และ Lukas Bühlmann หัวหน้าฝ่ายออกแบบที่อยู่เบื้อหลังความสำเร็จจนเป็นรูปเป็นร่างของ ORIS Big Crown Calibre 113

บทสัมภาษณ์ผู้อยู่เบื้องหลัง ORIS Big Crown Calibre 113
ORIS ผสานไอคอนิกของ Big Crown เข้ากับกลไกอินเฮ้าส์ Calibre 113 ที่มาพร้อมพลังงานสำรองยาวนาน 10 วัน เข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้น และฟังก์ชั่นปฏิทินธุรกิจเต็มรูปแบบ ซึ่งนำไปสู่การผลิตเรือนเวลาที่มีความน่าสนใจรุ่นหนึ่ง ที่สำคัญ คือเป็นการกลับมาของ Calibre 113 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017
ORIS ผสานไอคอนิกของ Big Crown เข้ากับกลไกอินเฮ้าส์ Calibre 113 ที่มาพร้อมพลังงานสำรองยาวนาน 10 วัน เข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้น และฟังก์ชั่นปฏิทินธุรกิจเต็มรูปแบบ ซึ่งนำไปสู่การผลิตเรือนเวลาที่มีความน่าสนใจรุ่นหนึ่ง ที่สำคัญ คือเป็นการกลับมาของ Calibre 113 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017
วันนี้เราจะมาคุยกับ Beat Fischli ซึ่งดำรงตำแหน่ง COO หรือ Chief Operating Officer ของ ORIS และ Lukas Bühlmann หัวหน้าฝ่ายออกแบบที่อยู่เบื้อหลังความสำเร็จจนเป็นรูปเป็นร่างของ ORIS Big Crown Calibre 113
![]() |
![]() |
| Q : ขอเริ่มด้วยการแนะนำตัวสั้นๆ และเล่าประสบการณ์กับ ORIS ของคุณ
Beat Fischli : ผมเข้าร่วมงานกับ ORIS ตั้งแต่ปี 2012 ในตำแหน่ง Chief Operating Officer ซึ่งยังคงเป็นบทบาทหน้าที่ของผมจนถึงปัจจุบัน นอกเหนือจากความรับผิดชอบหลักของ COO เช่น การจัดซื้อ การผลิต และการควบคุมคุณภาพ ผมยังมีโอกาสได้เป็นผู้นำและรับผิดชอบโครงการพัฒนาทางเทคนิคมากมายตลอด 13 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการพัฒนากลไกอินเฮ้าส์ของ ORIS ทั้ง Calibre 100 Series และ Calibre 400 Series Lukas Bühlmann : ผมทำงานที่ ORIS มา 10 ปี และดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบมา 3 ปี เดิมทีผมเป็นนักออกแบบอุตสาหกรรม และเคยทำงานที่บริษัทด้านการออกแบบมาก่อน การได้ออกแบบนาฬิกา ORIS ถือเป็นความสุขอย่างยิ่งสำหรับผม และเป็นความท้าทายที่กระตุ้นแรงบันดาลใจในการทำให้คอลเล็กชั่นของเรามีความร่วมสมัยอยู่เสมอ Q : น่าสนใจที่ได้เห็นการกลับมาของ Calibre 113 หนึ่งในตระกูล Calibre 100 Series กลไกขึ้นลาน 10 วัน ช่วยเล่าที่มาให้เราฟังหน่อย BF : ก่อนการครบรอบ 110 ปีของ ORIS ในปี 2014 เราตัดสินใจที่จะนำ ORIS กลับมาสู่เส้นทางในฐานะผู้สร้างสรรค์กลไกอีกครั้ง เราหลงใหลในกลไกจักรกล และแม้ว่าเราจะผลิตแต่นาฬิกาจักรกลมาโดยตลอด แต่ในเวลานั้นเราไม่ได้มีกลไกอินเฮ้าส์เป็นของตัวเองแล้ว ตลอดศตวรรษที่ 20 ORIS เคยพัฒนากลไกมาเกือบ 300 แบบ และมีประวัติศาสตร์ทางวิศวกรรมที่น่าภาคภูมิใจ เป้าหมายของเราคือการนำสิ่งนั้นกลับคืนมา ด้วยการสร้างสรรค์กลไกที่บอกเล่าเรื่องราวนี้ได้ และยังสามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้าในยุคปัจจุบัน เราจึงได้พัฒนา Calibre 110 กลไกขึ้นลานด้วยมือที่มาพร้อมพลังงานสำรองยาวนานถึง 10 วัน และเข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ต่อมา เราได้เพิ่มคอมพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงปฏิทินธุรกิจแบบ 52 สัปดาห์ใน Calibre 113 และนี่คือกลไกอันงดงามที่เรานำกลับมาใช้ในนาฬิการุ่นใหม่นี้ Q : Calibre 100 Series ได้เปิดประตูสู่ยุคแห่งการสร้างสรรค์กลไก ที่นำไปสู่ Calibre 400 Series ระบบออโตเมติก อะไรคือเหตุผลที่ ORIS ยังคงพัฒนากลไกอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้? BF : กลไกเหล่านี้คือถ้อยแถลงอันชัดเจนถึงหนึ่งในศักยภาพหลักของเรา ความสามารถในการพัฒนาและสร้างสรรค์กลไกจักรกลอินเฮ้าส์ คือเครื่องหมายแห่งเอกลักษณ์ของบริษัท และในเชิงกลยุทธ์ สิ่งนี้สะท้อนถึงความเป็นเลิศของ ORIS และสอดคล้องกับแนวคิดดั้งเดิมในการผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก |
![]() |
Q : อะไรคือหลักการชี้นำที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนากลไกเหล่านั้น?
BF ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ต้องมีความท้าทายทางเทคนิค คือสะท้อนถึงการผสมผสานคุณสมบัติที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่น อีกทั้งทุกอย่างต้องสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เรามักจะกล่าวเสมอว่า ORIS ผลิตนาฬิกาเพื่อผู้คนยุคใหม่ทั่วโลก ซึ่งคุณค่า ฟังก์ชั่น และดีไซน์ต้องผสานไปด้วยกันอย่างกลมกลืน Q : อะไรคือความท้าทายที่คุณต้องเผชิญ เมื่อต้องพัฒนากลไกใหม่ๆภายใต้หลักการเหล่านั้น? BF : นวัตกรรมไม่เคยเป็นเรื่องง่าย แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้มันมีคุณค่า ในฐานะทีม เรามีความทะเยอทะยานอย่างมาก และสิ่งนี้คือแรงผลักดันสำคัญ ความท้าทายคือการผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยีการผลิตและวัสดุ และเรารู้สึกสนุกกับการก้าวสู่พื้นที่ใหม่ๆ ร่วมกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรของเรา เพื่อส่งมอบโซลูชั่นทางวิศวกรรมที่ขับเคลื่อนวงการการผลิตนาฬิกาจักรกลไปสู่ทิศทางใหม่ๆ และบอกเล่าเรื่องราวบทใหม่ออกมา Q : โดยทั่วไปแล้ว การพัฒนากลไก ORIS รุ่นใหม่ใช้เวลานานแค่ไหน? BF : คำตอบไม่สามารถกำหนดได้ตายตัว แต่โดยภาพรวมแล้ว การพัฒนากลไกพื้นฐานใหม่ทั้งหมดจากศูนย์อาจใช้เวลานานถึงหกหรือเจ็ดปี ขณะที่การปรับปรุงหรือต่อยอดจากกลไกที่มีอยู่เดิมด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย มักจะใช้เวลาไม่เกินสองปี เป้าหมายของเราคือการทำให้ได้มาตรฐานที่สมบูรณ์แบบ มากกว่าจะยึดติดกับกรอบเวลา Q : ย้อนกลับไปที่ Calibre 100 Series อะไรคือแนวคิดตั้งต้น? BF : องค์ประกอบสำคัญในข้อมูลจำเพาะของ ORIS Calibre 100 Series คือ กลไกขึ้นลานด้วยมือ ที่มาพร้อมพลังงานสำรองยาวนาน 10 วัน และเข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรอง เราตั้งเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์กลไกที่ทั้งท้าทาย มีเอกลักษณ์ และสมเหตุสมผลในเชิงการใช้งานจริง Q : พลังงานสำรอง 10 วันถือว่าไม่ธรรมดาเลย อะไรทำให้คุณเลือกตัวเลขนี้ และต้องทำอย่างไรจึงจะทำได้จริง? BF : ในมุมหนึ่ง เรารู้สึกว่า 10 วันเป็นตัวเลขที่โดดเด่นและจดจำง่าย แต่เราก็รู้ดีว่านี่คือคุณสมบัติที่แทบไม่เคยพบในนาฬิกาจักรกล และแน่นอนว่าไม่เคยปรากฏในนาฬิกาของ ORIS ปรัชญาของ ORIS คือเราไม่ต้องการทำให้ซับซ้อนเกินไป ดังนั้นทางออกคือการคงโครงสร้างแบบกระปุกลานเดี่ยวไว้ และใช้เมนสปริงเดี่ยวที่ยาวเป็นพิเศษ วิธีนี้ทำให้เราสามารถผลักดันขีดจำกัดได้ โดยไม่ลดทอนคุณค่า ฟังก์ชั่น หรือดีไซน์ไป Q : คุณสมบัติเด่นอีกประการหนึ่งคือเข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้น อะไรคือแรงบันดาลใจ? BF : คำตอบคือ ความชัดเจนและการอ่านค่าได้ง่าย เราต้องการให้นาฬิกาสามารถแสดงพลังงานสำรองที่เหลืออยู่ให้ผู้สวมใส่อ่านค่าได้อย่างสะดวก เพื่อให้รู้ได้อย่างแม่นยำว่าเมื่อใดที่ต้องขึ้นลานใหม่ โดยมุมระหว่างตัวเลขวันซึ่งแสดงพลังงานสำรองจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพลังงานสำรองลดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้อย่างสมเหตุสมผล และ ORIS ได้จดสิทธิบัตรอุปกรณ์เข็มชี้บอกพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้นนี้แล้ว |
Q : ขอเริ่มด้วยการแนะนำตัวสั้นๆ และเล่าประสบการณ์กับ ORIS ของคุณ
Beat Fischli : ผมเข้าร่วมงานกับ ORIS ตั้งแต่ปี 2012 ในตำแหน่ง Chief Operating Officer ซึ่งยังคงเป็นบทบาทหน้าที่ของผมจนถึงปัจจุบัน นอกเหนือจากความรับผิดชอบหลักของ COO เช่น การจัดซื้อ การผลิต และการควบคุมคุณภาพ ผมยังมีโอกาสได้เป็นผู้นำและรับผิดชอบโครงการพัฒนาทางเทคนิคมากมายตลอด 13 ปีที่ผ่านมา รวมถึงการพัฒนากลไกอินเฮ้าส์ของ ORIS ทั้ง Calibre 100 Series และ Calibre 400 Series
Lukas Bühlmann : ผมทำงานที่ ORIS มา 10 ปี และดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบมา 3 ปี เดิมทีผมเป็นนักออกแบบอุตสาหกรรม และเคยทำงานที่บริษัทด้านการออกแบบมาก่อน การได้ออกแบบนาฬิกา ORIS ถือเป็นความสุขอย่างยิ่งสำหรับผม และเป็นความท้าทายที่กระตุ้นแรงบันดาลใจในการทำให้คอลเล็กชั่นของเรามีความร่วมสมัยอยู่เสมอ
Q : น่าสนใจที่ได้เห็นการกลับมาของ Calibre 113 หนึ่งในตระกูล Calibre 100 Series กลไกขึ้นลาน 10 วัน ช่วยเล่าที่มาให้เราฟังหน่อย
BF : ก่อนการครบรอบ 110 ปีของ ORIS ในปี 2014 เราตัดสินใจที่จะนำ ORIS กลับมาสู่เส้นทางในฐานะผู้สร้างสรรค์กลไกอีกครั้ง เราหลงใหลในกลไกจักรกล และแม้ว่าเราจะผลิตแต่นาฬิกาจักรกลมาโดยตลอด แต่ในเวลานั้นเราไม่ได้มีกลไกอินเฮ้าส์เป็นของตัวเองแล้ว ตลอดศตวรรษที่ 20 ORIS เคยพัฒนากลไกมาเกือบ 300 แบบ และมีประวัติศาสตร์ทางวิศวกรรมที่น่าภาคภูมิใจ เป้าหมายของเราคือการนำสิ่งนั้นกลับคืนมา ด้วยการสร้างสรรค์กลไกที่บอกเล่าเรื่องราวนี้ได้ และยังสามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้าในยุคปัจจุบัน เราจึงได้พัฒนา Calibre 110 กลไกขึ้นลานด้วยมือที่มาพร้อมพลังงานสำรองยาวนานถึง 10 วัน และเข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ต่อมา เราได้เพิ่มคอมพลิเคชั่นต่างๆ รวมถึงปฏิทินธุรกิจแบบ 52 สัปดาห์ใน Calibre 113 และนี่คือกลไกอันงดงามที่เรานำกลับมาใช้ในนาฬิการุ่นใหม่นี้
Q : Calibre 100 Series ได้เปิดประตูสู่ยุคแห่งการสร้างสรรค์กลไก ที่นำไปสู่ Calibre 400 Series ระบบออโตเมติก อะไรคือเหตุผลที่ ORIS ยังคงพัฒนากลไกอย่างต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้?
BF : กลไกเหล่านี้คือถ้อยแถลงอันชัดเจนถึงหนึ่งในศักยภาพหลักของเรา ความสามารถในการพัฒนาและสร้างสรรค์กลไกจักรกลอินเฮ้าส์ คือเครื่องหมายแห่งเอกลักษณ์ของบริษัท และในเชิงกลยุทธ์ สิ่งนี้สะท้อนถึงความเป็นเลิศของ ORIS และสอดคล้องกับแนวคิดดั้งเดิมในการผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
Q : อะไรคือหลักการชี้นำที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนากลไกเหล่านั้น?
BF ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ต้องมีความท้าทายทางเทคนิค คือสะท้อนถึงการผสมผสานคุณสมบัติที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่น อีกทั้งทุกอย่างต้องสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เรามักจะกล่าวเสมอว่า ORIS ผลิตนาฬิกาเพื่อผู้คนยุคใหม่ทั่วโลก ซึ่งคุณค่า ฟังก์ชั่น และดีไซน์ต้องผสานไปด้วยกันอย่างกลมกลืน
Q : อะไรคือความท้าทายที่คุณต้องเผชิญ เมื่อต้องพัฒนากลไกใหม่ๆภายใต้หลักการเหล่านั้น?
BF : นวัตกรรมไม่เคยเป็นเรื่องง่าย แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้มันมีคุณค่า ในฐานะทีม เรามีความทะเยอทะยานอย่างมาก และสิ่งนี้คือแรงผลักดันสำคัญ ความท้าทายคือการผลักดันขีดจำกัดของเทคโนโลยีการผลิตและวัสดุ และเรารู้สึกสนุกกับการก้าวสู่พื้นที่ใหม่ๆ ร่วมกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรของเรา เพื่อส่งมอบโซลูชั่นทางวิศวกรรมที่ขับเคลื่อนวงการการผลิตนาฬิกาจักรกลไปสู่ทิศทางใหม่ๆ และบอกเล่าเรื่องราวบทใหม่ออกมา
Q : โดยทั่วไปแล้ว การพัฒนากลไก ORIS รุ่นใหม่ใช้เวลานานแค่ไหน?
BF : คำตอบไม่สามารถกำหนดได้ตายตัว แต่โดยภาพรวมแล้ว การพัฒนากลไกพื้นฐานใหม่ทั้งหมดจากศูนย์อาจใช้เวลานานถึงหกหรือเจ็ดปี ขณะที่การปรับปรุงหรือต่อยอดจากกลไกที่มีอยู่เดิมด้วยการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย มักจะใช้เวลาไม่เกินสองปี เป้าหมายของเราคือการทำให้ได้มาตรฐานที่สมบูรณ์แบบ มากกว่าจะยึดติดกับกรอบเวลา
Q : ย้อนกลับไปที่ Calibre 100 Series อะไรคือแนวคิดตั้งต้น?
BF : องค์ประกอบสำคัญในข้อมูลจำเพาะของ ORIS Calibre 100 Series คือ กลไกขึ้นลานด้วยมือ ที่มาพร้อมพลังงานสำรองยาวนาน 10 วัน และเข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรอง เราตั้งเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์กลไกที่ทั้งท้าทาย มีเอกลักษณ์ และสมเหตุสมผลในเชิงการใช้งานจริง
Q : พลังงานสำรอง 10 วันถือว่าไม่ธรรมดาเลย อะไรทำให้คุณเลือกตัวเลขนี้ และต้องทำอย่างไรจึงจะทำได้จริง?
BF : ในมุมหนึ่ง เรารู้สึกว่า 10 วันเป็นตัวเลขที่โดดเด่นและจดจำง่าย แต่เราก็รู้ดีว่านี่คือคุณสมบัติที่แทบไม่เคยพบในนาฬิกาจักรกล และแน่นอนว่าไม่เคยปรากฏในนาฬิกาของ ORIS ปรัชญาของ ORIS คือเราไม่ต้องการทำให้ซับซ้อนเกินไป ดังนั้นทางออกคือการคงโครงสร้างแบบกระปุกลานเดี่ยวไว้ และใช้เมนสปริงเดี่ยวที่ยาวเป็นพิเศษ วิธีนี้ทำให้เราสามารถผลักดันขีดจำกัดได้ โดยไม่ลดทอนคุณค่า ฟังก์ชั่น หรือดีไซน์ไป
Q : คุณสมบัติเด่นอีกประการหนึ่งคือเข็มชี้บอกระดับพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้น อะไรคือแรงบันดาลใจ?
BF : คำตอบคือ ความชัดเจนและการอ่านค่าได้ง่าย เราต้องการให้นาฬิกาสามารถแสดงพลังงานสำรองที่เหลืออยู่ให้ผู้สวมใส่อ่านค่าได้อย่างสะดวก เพื่อให้รู้ได้อย่างแม่นยำว่าเมื่อใดที่ต้องขึ้นลานใหม่ โดยมุมระหว่างตัวเลขวันซึ่งแสดงพลังงานสำรองจะกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพลังงานสำรองลดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้อย่างสมเหตุสมผล และ ORIS ได้จดสิทธิบัตรอุปกรณ์เข็มชี้บอกพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้นนี้แล้ว
Q : Calibre 100 Series รุ่นนี้มีความพิเศษอย่างไร?
BF : นอกเหนือจากการแสดงชั่วโมง นาที วินาที และเข็มชี้บอกพลังงานสำรองแบบไม่เชิงเส้นแล้ว Calibre 113 ยังแสดงวันที่ วัน สัปดาห์ และเดือน การสวมใส่นาฬิกาที่ใช้กลไก Calibre 113 จึงเปรียบเสมือนการมีปฏิทินธุรกิจแบบเต็มรูปแบบอยู่บนข้อมือ ผมชื่นชอบเป็นพิเศษกับคุณสมบัติอันชาญฉลาดของ Calibre 113 ที่สามารถตั้งค่าฟังก์ชั่นทั้งหมดได้ผ่านเม็ดมะยมเพียงเม็ดเดียว โดยไม่จำเป็นต้องมีเม็ดมะยมเพิ่มเติมหรือปุ่มกดใดๆ เลย
Q : แล้วเหตุใดจึงเลือกกลับมาที่ Calibre 113 และปฏิทินธุรกิจ?
BF : Calibre 113 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและผู้ที่หลงใหลในนาฬิกามากมาย มันคือการผสมผสานของคอมพลิเคชั่นที่ทั้งน่าสนใจและสมบูรณ์แบบ แม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึง 8 ปีหลังจากเปิดตัว แต่ผมยังคงถูกถามถึง Calibre 113 อยู่บ่อยครั้ง
Q : นี่เป็นครั้งแรกที่ Calibre 113 ถูกนำมาใช้ใน Big Crown เพราะเหตุใด?
LB : อย่างที่ทราบกันดี คอลเลกชั่น Big Crown มีประวัติศาสตร์อันยาวนานด้วยเข็มชี้ เช่นเดียวกับ Calibre 113 ดังนั้นจึงเป็นการจับคู่ที่ลงตัว อีกทั้งสัดส่วนและฟังก์ชั่นของกลไกยังเข้ากับดีไซน์ของ Big Crown ได้อย่างเหมาะเจาะ เรียกได้ว่าเป็นจังหวะที่ทุกอย่างสอดคล้องกันพอดี
Q : หลังจากที่ Oris มุ่งเน้นไปที่ Calibre 400 Series ช่วงหนึ่ง นี่ถือเป็นสัญญาณของการหวนคืนของกลไกตระกูล Calibre 100 Series สู่คอลเลกชั่นของ ORIS หรือไม่?
BF : ความต้องการของตลาดทำให้ Calibre 100 Series ถูกผลิตมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2014 โดย ProPilot X Calibre 115 แบบ Skeleton ที่เปิดตัวในปี 2019 ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นทั้งนาฬิกาไอคอนิกที่โดดเด่น และผลงานชิ้นเอกของ ORIS และในวันนี้ Calibre 113 ก็ได้กลับมาอีกครั้งในคอลเลกชั่น Big Crown
Q : นาฬิการุ่นใหม่นี้มาพร้อมโทนสีที่โดดเด่น อะไรคือแรงบันดาลใจเบื้องหลังของการเลือกสีชมพูและสีเขียว?
LB : อย่างที่ ORIS เป็นเสมอมา เราจริงจังกับการผลิตนาฬิกา แต่ไม่ทำให้มันเคร่งขรึมจนเกินไป นาฬิกากลไกจักรกลควรมอบความสุข และนั่นคือที่มาของการเลือกใช้สีสันใหม่ที่สดใสและอาจคาดไม่ถึง ใช่ มันโดดเด่นสะดุดตา และใช่ มันมอบความสุขให้เรา และเรามั่นใจว่าจะมอบความสุขให้กับลูกค้าของเราด้วยเช่นกัน
Q : ในมุมมองของคุณ Lukas นาฬิกา Big Crown Calibre 113 รุ่นใหม่นี้ถ่ายทอดเรื่องราวการสร้างสรรค์นาฬิกาของ ORISอย่างไร?
LB : นี่คือเรื่องราวของแนวคิดดั้งเดิมที่หยั่งรากลึก และผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว เราผลิตนาฬิกากลไกจักรกลมานานกว่า 120 ปี แต่นาฬิการุ่นนี้กลับเปี่ยมด้วยความสดใส มีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยความสุข มันคือนาฬิกาสำหรับวันนี้ และสำหรับผู้คนยุคใหม่ทั่วโลก
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline








![นวัตกรรม งานศิลป์ และงานฝีมือ สิ่งที่ซ่อนอยู่ใน Ulysse Nardin Freak S [Enamel] Ulysse Nardin Freak S [Enamel]](https://www.ana-digi.com/wp-content/uploads/2025/10/UlysseNardinFreakSenamel-opn-218x150.jpg)








