OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 อัพเกรดกลไก เพิ่มใหม่รุ่นไขลาน

0

OMEGA ปรับไลน์อัพของ Speedmaster Dark Side Of The Moon ด้วยเวอร์ชันใหม่ โดยรุ่นปกติทั้งหน้าปัดดำ และ Black Black Edition จะมากับตัวเรือนเซรามิก 44.25 เหมือนเดิม แต่ความหนาลดลง 1.1 มิลลิเมตร พร้อมเปลี่ยนกลไกใหม่เป็นรหัส Calibre 9900 ที่มีความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer ส่วนอีกรุ่นเป็นของใหม่ กับกลไกไขลานในรหัส Calibre 9908 ในแบบ Black Edition

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025
OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 อัพเกรดกลไก เพิ่มใหม่รุ่นไขลาน

  • การอัพเกรด Speedmaster Dark Side Of The Moon บนตัวเรือนเซรามิกเหมือนเดิม สายยางแบบใหม่ และกลไกใหม่

  • รุ่นปกติจะใช้กลไก Master Chronometer ในรหัส Calibre 9900 ที่มีกำลังสำรอง 60 ชั่วโมง

  • เพิ่มรุ่นไขลานที่ชื่อว่า Dark Red เป็นรหัส Calibre 9908 ที่มีกำลังสำรอง 60 ชั่วโมง

- Advertisement -

OMEGA อัพเดทไลน์อัพของคอลเล็กชั่น Speedmaster Dark Side Of The Moon บนตัวเรือนเซรามิกขนาด 44.25 มิลลิเมตร ด้วย 5 ทางเลือกใหม่ของนาฬิกา 3 สีหน้าปัด โดยความเปลี่ยนแปลงคือ การอัพเกรดจากกลไกอัตโนมัติ Chronometer Calibre 9300 มาเป็น Calibre 9900 และมีรุ่นพิเศษที่เผยโฉมเป็นครั้งแรกกับกลไกไขลานในรหัส Calibre 9908

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

Speedmaster Dark Side Of The Moon รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2013 โดยอ้างอิงสตอรี่จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 1968 เมื่อ OMEGA เข้าไปมีส่วนร่วมกับโปรเจ็กต์เดินทางไปยังดวงจันทร์อย่าง Apollo 8 และแม้ว่าจะไม่มีการลงจอด แต่ก็เป็นการโคจรไปยังด้านไกลของดวงจันทร์ที่ไม่เคยมีใครเห็นหรือไปมาก่อน และผู้บังคับการ James A. Lovell Jr. ได้เอ่ยประโยคคลาสสิคว่า “we’ll see you on the other side,” และนั่นทำให้ Apollo 8 ได้กลายเป็นลูกเรือกลุ่มแรกที่เดินทางไปบนด้านมืดของดวงจันทร์ และไม่มีการติดต่อทางวิทยุหรือดาวเทียม ลูกเรือจึงถูกตัดขาดจากโลกโดยสิ้นเชิง

ใน Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 ยังมาพร้อมตัวเรือนเซรามิกขนาด 44.25 มิลลิเมตรเหมือนเดิม แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการขัดแต่งรายละเอียดบนตัวเรือน ซึ่งทำให้ตัวนาฬิกามีความเงางามมากขึ้น ขอบตัวเรือนเป็นแบบยึดติดตายตัว และอินเสิร์ตแบบมีสเกล Tachymeter เป็นแบบ LiquidMetal

สำหรับรุ่น Ref.310.92.44.51.01.004 มากับสายยางแบบใหม่ที่มีโค้งตามขอบหน้าปัด ส่วนด้านหลังมีลายเป็นเหมือนกับพื้นผิวดวงจันทร์ และ Ref.310.92.44.51.01.002 ที่เป็นสายผ้าไนลอน จะยึดดีไซน์และการให้สีสันแบบเดียวกับรุ่นแรกคือ หลักชั่วโมง และเข็มเคลือบสารเรืองแสงสีขาว หน้าปัดเซรามิกขัดเงาภายใต้กระจกแซฟไฟร์ด้านหน้าประกอบด้วยหน้าปัดย่อยบอกวินาทีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา หน้าปัดจับเวลา 60 นาทีและ 12 ชั่วโมงที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และหน้าต่างแสดงวันที่ที่ 6 นาฬิกา

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025
OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

รุ่น Ref.310.92.44.51.01.005 สายยาง และ Ref.310.92.44.51.01.003 สายไนลอน มีสเป็กแบบเดียวกัน แต่หน้าปัดเป็นแบบ Black Black เรียกว่าทุกรายละเอียดบนตัวเรือน ทั้งหน้าปัด เข็ม สารเรืองแสง และชิ้นส่วนของกลไกเป็นสีดำทั้งหมด

ทั้ง 2 รุ่นนี้มีขนาดเท่าเดิม แต่บางลง 1.1 มิลลิเมตรมาอยู่ที่ 15.09 มิลลิเมตร

สิ่งที่เปลี่ยนไปของ 2 เวอร์ชันนี้คือ กลไกอัตโนมัติ ที่ถูกเปลี่ยนจาก Calibre 9300 มาเป็น Calibre 9900 มีความเที่ยงตรงที่อัพเกรดจาก Chronometer มาเป็น Master Chronometer ซึ่งผ่านการทดสอบโดย METAS โดยในรุ่น Black Black จะถูกเรียกว่า Black Edition โดยโรเตอร์ เมนเพลทและบริดจ์รมสีดำด้าน เช่นเดียวกับการแกะสลักที่เคลือบเงาสีดำ นาฬิกาเรือนนี้จับคู่กับสายนาฬิกายางสีดำมีลวดลายพื้นผิวดวงจันทร์ที่ด้านล่าง ที่มาพร้อมหัวสายเซรามิกแบบบานพับ และโครงแบบสปริงไททาเนียมเคลือบเซรามิก กำลังสำรองของกลไกอยู่ที่ 60 ชั่วโมง

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

อีกรุ่นมีความพิเศษและถูกเรียกว่า Dark Red เป็น Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 ที่ถูกเพิ่มเข้ามาจากเดิม โดยเป็นรหัส Ref. 310.92.44.51.01.001 ภายใต้กระจกแซฟไฟร์ด้านหน้าประกอบด้วยหน้าปัดเซรามิกที่พ่นทรายด้วยเลเซอร์ พร้อมหน้าปัดย่อยบอกวินาทีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และหน้าปัดจับเวลา 60 นาทีและ 12 ชั่วโมงที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา เข็มชั่วโมงและนาที รวมถึงหลักชั่วโมงแบบยกนูนทั้งหมดเป็นสีดำที่บรรจุด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีดำ (เรืองแสงสีเขียว) เข็มนาฬิกาโครโนกราฟตรงกลางเคลือบเงาสีแดงเพื่อรูปลักษณ์ที่โดดเด่น

OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025
OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

ความเด่นของกลไกคือ เป็นแบบไขลาน มาในรหัส Calibre9908 และได้รับการปรับให้มีความเที่ยงตรงในระดับ Master Chronometer ส่วนด้านหลังมีการขัดลายและเคลือบดำในแบบ Black Edition และกลไกรุ่นนี้มีกำลังสำรองอยู่ที่ 60 ชั่วโมง ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่อเนื่องไปยังความหนาของตัวเรือนด้วย เพราะมีความหนาเพียง 13.02 มิลลิเมตร

สำหรับราคาของทั้ง 5 รุ่นในเมืองไทย คือ

  • Dark Side Of The Moon สายยาง : 514,000 บาท
  • Dark Side Of The Moon สายผ้าไนลอน : 514,000 บาท
  • Dark Side Of The Moon Black Black สายยาง : 527,000 บาท
  • Dark Side Of The Moon Black Black สายผ้าไนลอน : 527,000 บาท
  • Dark Side Of The Moon Dark Red สายยาง : 527,000 บาท
OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025
OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025
OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

รายละเอียดทางเทคนิค : OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44.25 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 15.09 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 50 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 21 มิลลิเมตร
  • กระจก : Sapphire เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
  • กลไก : อัตโนมัติ Calibre 9900 พร้อมฟังก์ชั่น Chronogrpah และความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังสำรอง : 60 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 100 เมตร

รายละเอียดทางเทคนิค : OMEGA Speedmaster Dark Side Of The Moon 2025 Dark red

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง : 44.25 มิลลิเมตร
  • ความหนา : 13.02 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug : 50 มิลลิเมตร
  • ความกว้างขาสาย : 21 มิลลิเมตร
  • กระจก : Sapphire เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
  • กลไก : ไขลาน Calibre 9908 พร้อมฟังก์ชั่น Chronogrpah และความเที่ยงตรงระดับ Master Chronometer
  • ความถี่ : 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • กำลังสำรอง : 60 ชั่วโมง
  • การกันน้ำ : 100 เมตร