8 ปีนับจากที่ Marc A. Hayek ประธานและ CEO ของแบรนด์ประกาศในการเดินหน้าสู่โลกแห่ง Grand Complication ในตลาดนาฬิกา ทาง Blancpain เปิดตัว Grande Double Sonnerie ได้สำเร็จ กับความโดดเด่นในการเป็นนาฬิการะดับ Grand Complication ที่มาพร้อมกับการเปล่งเสียง หรือ Grande Sonnerie ที่เลือกได้ 2 แบบผ่านปุ่มกดบนตัวเรือน แบบแรกคือ ทำนองคลาสสิก Westminster chime แบบ 4 โน้ตและบทเพลงต้นฉบับของ Blancpain ที่ประพันธ์โดยนักดนตรีชื่อดัง Eric Singer พร้อมกับฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น Perpetual Calendar แบบ Retrograde และ Flying Tourbillon และด้วยความซับซ้อนของกลไก ลึความประณีตในการผลิตแต่ละชิ้นส่วน ทำให้กำลังการผลิตสำหรับ Grande Double Sonnerie มีเพียงแค่ปีละ 2 เรือนเท่านั้น

Blancpain Grande Double Sonnerie 8 ปี แห่งการพัฒนาสู่นวัตกรรมเหนือระดับ
-
นาฬิการะดับ Grand Complication ที่มาพร้อมกับการเปล่งเสียง หรือ Grande Sonnerie ที่เลือกได้ 2 แบบ
-
ตัวเรือนขนาด 47 มิลลิเมตรมีให้เลือกทั้งแบบ Red Gold หรือ White Gold
-
ด้วยความซับซ้อนของกลไก Calibre 15GSQ ทำให้การผลิตมีจำกัด เพียงแค่ 2 เรือนต่อปีเท่านั้น
ถือเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์จาก Blancpain รับปลายปี 2025 กับการเปิดตัวเรือนเวลาระดับ Grand Complication อย่าง Blancpain Grande Double Sonnerie ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นาฬิกาข้อมือแบบ Grande Sonnerie สามารถเลือกทำนองของเสียงได้ถึง 2 แบบผ่านทางปุ่มกด พร้อมกับฟังก์ชั่นระดับเทพทั้ง Perpetual Calendar แบบ Retrograde และ Flying Tourbillon
ซึ่งถูกจัดวางอยู่บนตัวเรือนแบบ Red Gold หรือ White Gold ขนาด 47 มิลลิเมตร และที่สำคัญ คือ ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ต้องการจะสามารถได้ครอบครอง เพราะว่าด้วยกำลังการผลิตที่จำกัดเพียง 2 เรือนต่อปี เท่ากับว่าในแต่ละปีจะมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่สมหวัง
![]() |
![]() |
ก่อนปี 1992 ยังไม่มีนาฬิกาข้อมือเรือนใดที่มาพร้อมกลไก Grande Sonnerie มาก่อน ในเวลานั้นกลไกตีบอกเวลา ยังจำ กัดอยู่เพียงในนาฬิกาประเภท Minute Repeater ซึ่งจะตีบอกเวลาเมื่อเจ้าของต้องการเท่านั้น โดยผู้สวมใส่จะต้องดันคันเลื่อนด้านข้างตัวเรือนเพื่อเตรียมกลไกให้พร้อมทำงาน และเมื่อเริ่มตีบอกเวลา เสียงที่ได้จะเกิดจากการผสมผสานของ 2 โน้ตเสียง คือ สูงและต่ำอย่างละ 1 โน้ต ในทางตรงกันข้าม Grande Sonnerie และ Petite Sonnerie จะตีบอกเวลาโดยอัตโนมัติในขณะที่เวลาหมุนไป ตามนิยามทางศาสตร์ของเครื่องบอกเวลา
ดังนั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์สำคัญนี้เกิดจากแรงผลักดันของ Marc A. Hayek ประธานและ CEO ของแบรนด์ที่วางแนวทางให้ Blancpain เดินหน้าสู่การพัฒนากลไกแบบ Grand Sonnerie ซึ่งแทบจะไม่ค่อยได้พบเจอในโลกของเรือนเวลา และเมื่อต้องพัฒนาขึ้นมาแล้ว กลไกนี้จะต้องมีความเหนือกว่าสิ่งที่มีอยู่ในตลาดในทุกด้าน
![]() |
![]() |
“Grande Sonnerie คือหนึ่งในกลไกที่สร้างสรรค์ได้ยากที่สุดในโลก มันคือ ราชินีแห่ง กลไกนาฬิกา ผมต้องการสร้าง Grande Sonnerie ที่เจ้าของสามารถสวมใส่ได้จริง ไม่ใช่ เพียงเรือนเวลาที่จะถูกเก็บไว้ในตู้เซฟเท่านั้น เราเลือกสร้างสรรค์ท่วงทำ นองสองแบบที่ เป็นจังหวะดนตรีในตัวเองอย่างแท้จริง และเหนือสิ่งอื่นใด นาฬิกาเรือนนี้จะทำ ให้ผู้สวม ใส่ยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของมัน เสียงที่ปลุกเร้าอารมณ์อย่างแท้จริง
ด้วยกลไก Sonnerie ที่เปิดให้ชื่นชมการทำ งานของค้อนทั้งสี่ที่บรรเลงท่วงทำ นองอย่างงดงาม ร่วมกับ กลไกทองคำ อันหรูหราที่อัดแน่นด้วยนวัตกรรมจากสิทธิบัตร 13 ฉบับ และการตกแต่งในระดับสูงสุด เราหวังว่านาฬิกาเรือนนี้จะสามารถสัมผัสหัวใจของนักสะสมผู้หลงใหลได้อย่างลึกซึ้งที่สุด” Marc A. Hayek กล่าว
![]() |
![]() |
นั่นจึงเป็นที่มาของ Blancpain Grande Double Sonnerie นาฬิกาข้อมือแบบ Grande Sonnerie ซึ่งโครงการนี้ต้องใช้เวลานานถึง 8 ปีในการพัฒนาจากต้นแบบสู่ความเป็นจริง ด้วยการออกแบบร่างในส่วนต่างๆ มาถึง 1,200 แบบ และระหว่างการทำงาน Blancpain สามารถจดสิทธิบัตรชิ้นงานใหม่มากถึง 21 ฉบับ โดย 13 ฉบับคือสิ่งที่ถูกใช้อยู่ในเรือนเวลารุ่นนี้ และเป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ได้จริง แม้ว่าจะมีตัวเรือนใหญ่ถึง 47 มิลลิเมตร และ Lug to Lug ระดับ 54.6 มิลลิเมตรก็ตาม
![]() |
![]() |
จุดเด่นของเรือนเวลาคือ ฟังก์ชั่น Grande Sonnerie ที่สามารถเลือก 2 ทำนองเสียงด้วยปุ่มกดบนตัวเรือน แบบแรกคือ ทำนองคลาสสิก Westminster chime แบบ 4 โน้ต และบทเพลงต้นฉบับของ Blancpain ที่ประพันธ์โดยนักดนตรีชื่อดัง Eric Singer อดีตมือกลองของวง KISS
ซึ่งเป็นนักสะสมนาฬิกาตัวยงคนหนึ่งและเป็นเพื่อนสนิทของ Marc A. Hayek โดยเรือนเวลาสุดพิเศษเหนือระดับในหมู่เรือนนาฬิกาข้อมือแบบ Grande Sonnerie ที่มีอยู่ในตลาด เพราะสามารถบรรเลงทำนองทุก 15 นาทีในทุกชั่วโมง เพื่อส่งมอบประสบการณ์แห่งเสียงที่ยาวนานและน่าประทับใจ
ในอดีต นาฬิกาข้อมือ Grande Sonnerie รุ่นแรกๆ ของโลกจะใช้หลักการตีบอกเวลาแบบ 2 เสียง ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ นาฬิกา Minute Repeater ส่วนใหญ่ โดยจะตีเสียงต่ำเพื่อบอกชั่วโมง เสียงสูงเพื่อบอกนาที และเสียงผสมของทั้ง 2 เพื่อบอกช่วง 15 นาทีในทุกชั่วโมง แนวทางนี้ได้กลายเป็นรูปแบบหลักที่ใช้สืบต่อกันมาในกลไก Grande Sonnerie แทบ ทุกรุ่นทั่วโลก
แต่ Blancpain กลับขยายขอบฟ้าแห่งความเป็นไปได้ให้กว้างไกลยิ่งขึ้นด้วยการสร้าง Grande Double Sonnerie ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Marc A. Hayek ผู้ซึ่งมองเห็นโอกาสที่จะเปลี่ยนเสียงบอกเวลาให้กลายเป็นท่วงทำนองแห่งดนตรี อย่างแท้จริง ความท้าทายครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินจะประเมินได้ การสร้างทำนองจำเป็นต้องมี 4 โน้ต เสียงคือ มี โซล ฟา ที (จากเดิมที่มีแค่ 2 โน้ตเสียง) ซึ่งเพิ่มระดับความซับซ้อนของกลไกขึ้นเป็น 2 เท่า เนื่องจากต้องใช้ค้อนตีสี่ตัวแยกกันสำหรับแต่ละโน้ตเสียง
กลไก Grande Sonnerie คือ ระบบที่ตีบอกชั่วโมง ทุกชั่วโมง และในทุก 15 นาทีของชั่วโมงจะตีบอกทั้งชั่วโมงและช่วง 15 นาที หรือควอเตอร์นั้นด้วย ส่วน Petite Sonnerie นั้นแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ แบบพื้นฐานจะตีบอกเวลาเฉพาะชั่วโมง โดยไม่ตีในแต่ละ 15 นาที ส่วนแบบที่ซับซ้อนกว่าจะตีบอกทั้งชั่วโมงและ 15 นาที แต่ไม่ซ้ำชั่วโมงในแต่ละครั้ง ทั้งกลไก Grande Sonnerie และ Petite Sonnerie ต่างได้รับพลังงานจากกระปุกลานแยกเฉพาะในกลไก และไม่จำ เป็นต้องใช้การดันคันเลื่อนหรือการเปิดการทำงานใดๆ
![]() |
![]() |
การขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของกลไก Calibre 15GSQ สามารถขึ้นลานได้ 2 ทิศทางมีชิ้นส่วนจำนวน 1,116 ชิ้น สะพานจักรจำนวน 26 ชิ้นและแท่นเครื่องผลิตจากทองคำ 18 กะรัต ทุกชิ้นผ่านการตกแต่งด้วยมืออย่างประณีต ประกอบด้วยเทคนิค Anglage (มุมขัด 135 มุม), Perlage, Mirror Polishing, Diamond Milling
และ Straight Graining ในเวิร์กช็อปของ Blancpain ที่ Le Brassus ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมติดตั้งระบบป้องกันความเสียหายจำนวน 5 ระบบ ภายในกลไก เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการ ปรับตั้งที่ไม่ถูกต้อง
![]() |
![]() |
สำหรับ Blancpain Grande Double Sonnerie กลไกภายในได้รับการออกแบบให้มีกระปุกลานแยก 2 ชุด ชุดแรกสำหรับขับเคลื่อนการทำงานของระบบเวลาโดยทั่วไป และอีกหนึ่งชุดสำหรับจ่ายพลังงานให้กับ Grande Sonnerie, Petite Sonnerie รวมไปถึง Minute Repeater ในกรณีที่มีการดันคันเลื่อนด้วย
นอกจากเรื่องของการเปล่งเสียงแล้ว กลไกนี้ยังมากับระบบอย่าง Perpetual Calendar แบบ Retrograde ที่มีการออกแบบโครงสร้างใหม่ทั้งหมด และรวมเข้ากับกลไกหลักอย่างสมบูรณ์ มาพร้อมระบบปุ่มปรับใต้ขาตัวเรือน ที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของ Blancpain
ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ให้สามารถปรับค่าได้ง่ายด้วยปลายนิ้วโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใด ๆ และ Flying tourbillon อันเป็นเอกลักษณ์ของ Blancpain ที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกและเปิดตัวในปี 1989 โดยได้รับการพัฒนาใหม่ด้วยซิลิคอนบาลานซ์สปริง และทำงานด้วยความถี่ระดับ 4 เฮิร์ตซ์
ซึ่งกลไกรุ่นนี้มีกำลังสำรองอยู่ที่ 96 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมงเมื่ออยู่ในโหมด Grande Sonnerie
อีกทั้ง กล่องของ Blancpain Grande Double Sonnerie ยังผลิตจากไม้ในป่าตำนาน Risoud แห่งหุบเขา Vallée de Joux กล่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงกล่องแสดงนาฬิกา แต่ยังสืบสานประเพณีไม้ resonance spruces ที่สืบทอดมาหลายศตวรรษ
โดยได้รับการยกย่องจากช่างทำ เครื่องสาย ในคุณภาพเสียงอันเลอค่า ทำ หน้าที่เสมือนซาวด์บอร์ดธรรมชาติที่กระจายเสียงตีระฆังของนาฬิกา และเชื่อมโยง เรือนเวลานี้กับมรดกทางวัฒนธรรมและงานฝีมือของหุบเขาแห่งนี้ได้เป็นอย่าง
นาฬิกา Blancpain Grande Double Sonnerie (Ref. 15GSQ 1513 55B / 15GSQ 3613 55B) ถือเป็นเรือนเวลาที่หาได้ยากอย่างยิ่ง เนื่องจาก:
-
กำลังการผลิต: ถูกจำกัดไว้เพียงแค่ 2 เรือนต่อปีเท่านั้น
สรุปรายละเอียดทางเทคนิค: Blancpain Grande Double Sonnerie
นี่คือตารางสรุปข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคของนาฬิกา Blancpain Grande Double Sonnerie ซึ่งเป็นเรือนเวลาระดับ Grand Complication ที่ผลิตจำกัด:
รายละเอียด |
ข้อมูลจำเพาะ |
| เส้นผ่านศูนย์กลาง | 47 มิลลิเมตร |
| Lug to Lug (ความยาวขาสาย) | 54.6 มิลลิเมตร |
| ความหนา | 14.5 มิลลิเมตร |
| ความกว้างขาสาย (Lug Width) | 23 มิลลิเมตร |
| วัสดุตัวเรือน | Red Gold (ทองชมพู) หรือ White Gold (ทองขาว) |
| กระจก | Sapphire |
| กลไก | อัตโนมัติ Calibre 15GSQ |
| ฟังก์ชันกลไกหลัก | Flying Tourbillon / Grande Sonnerie (Double Sonnerie) / Perpetual Calendar Retrograde |
| ความถี่ | $28,800$ ครั้งต่อชั่วโมง ($4$ เฮิร์ตซ์) |
| กำลังสำรอง | $96$ ชั่วโมง (ในโหมดปกติ) หรือ $12$ ชั่วโมง (เมื่ออยู่ในโหมด Grande Sonnerie) |
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline


























