การขยายไลน์อักครั้งใหม่ของนาฬิกาแบบ Full-Steel กับรุ่น Casio G-SHOCK GST-B1000 Series ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยสร้างสรรค์ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจาก DW-5000C ที่เปิดตัวในปี 1983 และมาพร้อมโคตรงสร้างตัวเรือนแบบ Carbon Core Guard ตัวเรือนได้รับการออกแบบให้มีความเพรียวด้วยความหนาเพียง 11.6 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วย Module รหัส 5748 พร้อมระบบ Tough Solar และทำตลาดด้วย 3 สีหน้าปัด

Casio G-SHOCK GST-B1000 Series: ความแกร่งใหม่บนตัวเรือนสตีล Full Steel รุ่นล่าสุด ด้วยเทคโนโลยี Carbon Core Guard
-
นาฬิกาแบบ Full Steel รุ่นใหม่ล่าสุดและเริ่มทำตลาด 3 รุ่นย่อย
-
ตัวเรือนได้รับการออกแบบให้มีความเพรียวด้วยความหนาเพียง 6 มิลลิเมตร
-
ขับเคลื่อนด้วย Module รหัส 5748 พร้อมระบบ Tough Solar
Casio G-SHOCK ขยายไลน์อัพนาฬิกาแบบ Full Steel อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว GST-B1000 Series ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยเฉพาะ (ไม่ได้อ้างอิงจากรุ่นเรซินที่มีอยู่ก่อน) โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก DW-5000C หรือ G-SHOCK เรือนแรกที่เปิดตัวในปี 1983 การออกแบบนี้ทำให้ G-SHOCK มีความสง่างามและเป็นทางการมากขึ้น เหมาะสำหรับการสวมใส่ในหลากหลายโอกาส

Casio เปิดตัวทางเลือกใหม่ของคอลเล็กชั่น G-Steel ออกสู่ตลาดอีกครั้ง และคราวนี้เป็นการต่อยอดจากดีไซน์ดั้งเดิมของแบรนด์อย่างนาฬิการุ่น DW-5000C ที่เปิดตัวในปี 1983 เพื่อนำมาสู่งานดีไซน์ในรูปแบบใหม่กับนาฬิการุ่น Casio G-SHOCK GST-B1000 Series ซึ่งจะมีจำหน่ายด้วยกัน 3 ทางเลือกและในบ้านเรามีราคาอยู่ที่ 16,900 บาทในรูปแบบของ Full Steel
ในช่วงกลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ G-SHOCK ได้นำนาฬิกาตัวเรือนแบบ Full Steel เปิดตัวออกมานับจาก MR-G ในปี 1996 นั้น ถือว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างมาก และทำให้นาฬิกาของ G-SHOCK มีความเป็นทางการมากขึ้น สามารถสวมใส่ได้หลายหลายทั้งในชีวิตประจำวัน หรือการใช้งานในกิจกรรมต่างๆ โดยแนวคิดนี้ได้ถูกขยายสู่นาฬิการุ่นอื่นๆ ของแบรนด์และเริ่มมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่พวกเขาเปิดตัว GMW-B5000 ในปี 2018
สำหรับ Casio G-SHOCK GST-B1000 Series ถือเป็นนาฬิกาในแบบ Full Steel รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีความพิเศษคือ ไม่ได้ถูกดีไซน์โดยอ้างอิงจากงานดั้งเดิมที่มีตัวเรือนแบบเรซินวางขายอยู่ก่อนแล้ว เรียกว่าทีมออกแบบของ G-SHOCK จัดการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เลย และแน่นอนว่า DW-5000C หรือ G-SHOCK เรือนแรกที่เปิดตัวในปี 1983 ก็คือ ต้นทางแห่งแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
⚙️ จุดเด่นด้านดีไซน์และเทคโนโลยี
- แรงบันดาลใจคลาสสิก: การดีไซน์อ้างอิงจาก DW-5000C เรือนแรก แต่ถูกนำเสนอในรูปแบบ Full Steel
- Carbon Core Guard: ตัวเรือนใช้โครงสร้างป้องกันแรงกระแทกด้วยเรซินผสมเส้นใยคาร์บอน (Carbon Core Guard) เพื่อความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา จากนั้นสวมทับด้วยกรอบและสายสเตนเลสสตีล
- ความเพรียวบาง: ตัวเรือนมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มิลลิเมตร แต่มีความหนาเพียง 11.6 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นรุ่น G-SHOCK ที่บางเป็นพิเศษ
- การขัดแต่งโลหะ: ชิ้นส่วนโลหะได้รับการขัดแต่งอย่างประณีต ทั้งขัดเงาสลับด้าน (Mirror and Hairline Finish) บนตัวเรือน ขอบตัวเรือน และสาย
- หน้าปัดเรียบง่าย: หน้าปัดเน้นความเรียบง่าย มีลายปั๊มนูนแนวเส้นลายขวาง (คล้ายกำแพงอิฐ) และมีหน้าปัดย่อยเพียง 2 วง นอกจากนี้ บนหน้าปัดจะมีเพียงคำว่า G-SHOCK ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา โดยไม่มีโลโก้ Casio ปรากฏอยู่
กลไกและฟังก์ชัน
- กลไก: Module รหัส 5748
- ระบบพลังงาน: Tough Solar (แปลงแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า)
- การเชื่อมต่อ: Bluetooth สำหรับเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อตั้งค่าเวลา World Time และฟังก์ชันอื่นๆ
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |


3 รุ่นย่อยและราคา
รหัสรุ่น |
หน้าปัด |
ราคา (ประเทศไทย) |
| GST-B1000D-1A | สีดำ | 16,900 บาท |
| GST-B1000D-2A | สีน้ำเงิน | 16,900 บาท |
| GST-B1000D-3A | สีเขียว | 16,900 บาท |
![]() |
![]() |
![]() |
รายละเอียดทางเทคนิค |
ข้อมูลจำเพาะ |
| เส้นผ่านศูนย์กลาง | 44 มิลลิเมตร |
| Lug to Lug | 46.9 มิลลิเมตร |
| ความหนา | 11.9 มิลลิเมตร |
| วัสดุตัวเรือน/สาย | สเตนเลสสตีล |
| การกันน้ำ | 200 เมตร |
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
YouTube Channel : https://www.youtube.com/channel/anadigionline





























