ตอนสุดท้ายของบทความที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาตระกูลดังอย่าง Monster ของค่าย Seiko (ไซโก) ซึ่งด้วยชื่อที่เป็นที่รู้จักทำให้ผลผลิตของพวกเขาไม่ได้มีแค่ Monster ที่เราคุ้นตาและหูเท่านั้น
ทำความรู้จักครอบครัว Seiko Monster : ผลผลิตอื่นๆ จากชื่อ Monster
หลายคนอาจจะรู้จักกับชื่อของ Monster ผ่านผลผลิตหลักทั้งในตระกูล Classic และ The Fang แต่จริงๆ แล้วพวกเขามีมากกว่านั้น และนี่คือบรรดานาฬิกาที่ถูกต่อยอดออกมาจากชื่อ Monster อันโด่งดังของ ไซโก
Night Monster
คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อเวลาจะทำอะไร พวกเขาจะทำมันอย่างเหนือชั้น ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ ไซโก ยอดแบรนด์จากญี่ปุ่นได้ผลักดันศักยภาพของ Monster ให้โลกรู้จัก หลังจากยกพลบุกตลาดไทยและประสบความสำเร็จอย่างงดงาม Monster ได้สร้างกระแสฟีเวอร์ไปทั่วโลกหรือแม้แต่ในญี่ปุ่นเอง เสียงเรียกร้องของแฟนนาฬิกาทั่วโลกให้ ไซโก มีการออกผลงาน Monster รุ่นพิเศษต่างๆ มากมาย รวมถึงการนำเอานาฬิการุ่นนี้ไปโมฯ ไปแต่งในรูปแบบต่างๆ
เช่น การนำหน้าปัดสีดำและส้มมาสลับขอบหน้าปัดกันได้อารมณ์ไปอีกแบบ หรือการผลิตผลงานรุ่นพิเศษที่มีขายกับตัวเรือนรมดำในตระกูล Night Monster อย่าง Black Night Monster (SZEN002), Black & White Monster (SZEN006), Purple Night Monster (SZEN010), Red Night Monster (SZEN017) และ Orange Night Monster (SZEN001)
สถานการณ์ : ของใหม่ไม่ต้องพูดถึงเพราะคงจะหายากแล้วในตลาด เพราะบรรดานักสะสมต่างเก็บเข้ากรุเรียบร้อย ดังนั้นถ้ามีก็คงจะเป็นของมือ 2 ซึ่งราคา ณ ตอนนี้ก็ขยับตัวขึ้นอีก จากเดิมอยู่ระดับพันปลายๆ แต่ตอนนี้มีนำหน้าด้วยเลข 1 ของหลักหมื่นแล้วสำหรับราคา
Prince Monster
พระเอกของปี 2008 Prince Monster (ปรินซ์ มอนสเตอร์) รหัส SNM039K1 แปลงโฉมเจ้าปีศาจใหม่สู่มาดเจ้าชายอสูรที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ความงามที่หลุดพ้นจากความคร่ำครึจำเจได้ระดับหนึ่ง งานนี้ทางแบรนด์ได้เลือก Keizo Kumano (เคอิโซ คุมาโน) และ Miki Takahashi (มิกิ ทากาฮาชิ) คู่หูทีมออกแบบมือฉมังตั้งใจออกแบบให้ Prince Monster นี้ เป็นอีกทายาทใหม่ของตระกูล Monster
ซึ่งศิลปินคู่นี้ใช้ประสบการณ์สร้างความแตกต่าง แต่งแต้มความงามด้วยการใช้เทคนิคการเล่นแสงเงาผสานกับการเล่นสีสลับ เนรมิต Prince Monster นี้ดูหรูงามยังคงความเข้มดุดันในแบบฉบับของ Monster สมเป็นเจ้าชายอสูรแห่งท้องทะเลอย่างแท้จริง พลังดีไซน์ที่บรรจงสร้างรูปลักษณ์สปอร์ตหรูสุดเนี๊ยบในตัวเรือนและเม็ดมะยมสเตนเลสสตีลเคลือบสีทองชมพู
เช่นเดียวกับสายสตีลสลับเคลือบสีทองชมพู ตัดกับขอบตัวเรือนเคลือบดำด้านด้วย Titanium Carbonitride (TiCN) ที่ติดแน่นทนทาน พื้นหน้าปัดดำย้ายช่องหน้าวันที่มาไว้ที่ 4 นาฬิกา และติดตั้งวงแหวนเข็มทิศไว้รอบหน้าปัดที่หมุนปรับค่าองศาด้วยเม็ดมะยมตรง 4 นาฬิกา สร้างสรรค์ออกมาให้นักสะสมนาฬิกาทั่วโลกจับจองกันเพียง 1,666 เรือน โดยเฉพาะเรือนที่ลงด้วยเลขท้ายสามตัว 666 บ่งบอกความเป็นพลพรรคซาตานตัวจริงเสียงจริง
สถานการณ์ : เป็น Rare Item เลยก็ว่าได้ และนานๆ เราถึงจะเห็นกันซะทีหนึ่งสำหรับของมือสอง ซึ่งในตอนนี้ราคาทะยานไปในระดับ 30,000 กว่าบาทแล้ว
Mini Monster
Mini Monster ปีศาจรุ่นน้องออกอาละวาดสร้างความแตกตื่นให้กับแฟนๆ อีกครั้งโดยถูกเปิดตัวออกมาในปี 2009 ซึ่ง Seiko ได้นำดีไซน์นาฬิกาตระกูล Seiko 5 Sport มาปรับโฉมใหม่ผสมกลิ่นอายของ Monster ความแตกต่างระหว่าง Mini Monster กับ Monster คือ ตัวเรือนของ Mini Monster นั้นบางและหนัก 180 -185 กรัม
ซึ่งเบากว่า Monster ทำให้คนที่ข้อมือเล็กอย่างสาวๆ หรือหนุ่มสาววัยรุ่นสวมใส่ได้สบายมากขึ้น ฝาหลังของ Mini Monster เปลือยอวดกลไกออโตเมติก 7S36B ตำแหน่งเม็ดมะยมย้ายจาก 4 นาฬิกามาอยู่ตรง 3 นาฬิกา ความสามารถกันน้ำของ Mini Monster ลดลงเหลือเพียง 100 เมตร ข้อสายปรับขยายขนาดสำหรับใส่ชุดดำน้ำไม่ได้เหมือน Monster แต่ราคาค่าตัวก็ถูกปรับลดลงมา กระนั้น Mini Monster
ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนัก สีสัน หน้าปัดที่มีให้เลือกมากขึ้น รวมถึงรุ่นพิเศษที่ทยอยเปิดตัวในปีถัดมา จากนั้นประมาณปี 2016 ก็มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ ซึ่งหันมาใช้กลไก 4R36 พร้อมกับปรับปรุงหน้าตาและสีสันของตัวนาฬิกาให้มีความพิเศษและโดดเด่นขึ้นมา
สถานการณ์ : ยังหาซื้อได้ในท้องตลาดในระดับราคาหลักพันกลางๆ ขึ้นอยู่กับความหายากหรือง่ายของสี ขณะที่รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่นที่เปิดตัวออกมาก็มีราคาในระดับหลักหมื่นต้นๆ ไปจนถึงกลางๆ
Land Monster
ชื่อนี้ถูกใช้อยู่กับนาฬิกา 2 รุ่น คือ ในรหัส SNM035 และ SNM037 ซึ่งเป็น Landmonster ที่ออกมาในยุคปลายทศวรรษที่ 2000 ใกล้เคียงกับ Prince Moinster โดยมีการดึงเอาสไตล์การออกแบบมาใช้ และวางกลไก 7S35 ของ Monster ลงไป
ส่วนอีกแบบคือ Landmonster ญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะมีวางขายในบ้านเราในฐานะของนาฬิกายุคแรกๆ ของกลุ่ม Prospex ซึ่งเป็น JDM จากญี่ปุ่น แต่ในบางตลาดจะเรียกว่า Trek Monster ใช้รหัส SARB วางกลไก 6R15 ของ Sumo และมีขายด้วยกัน 3 สีสำหรับรุ่นพื้นฐาน คือ SARB047 ดำ-เงิน SARB048 ดำทอง และ SARB049 ดำ-เหลือง สำหรับในบ้านเราถ้าพูดถึงเรื่องของ Landmonster มักจะนึกถึงรุ่นนี้มากกว่า และถือเป็นรุ่นที่มีความใกล้เคียงกับ Monster เพราะเป็นการนำเคสที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Monster มาใช้ แต่วางกลไกรุ่นสูงกว่า
สำหรับ Landmonster ที่ขายในบ้านเรา นอกจาก 3 รุ่นพื้นฐานแล้วยังมีรุ่นลิมิเต็ดวางขายด้วย คือ สีม่วง-SARB077 ผลิต 750 เรือน สี PinkGold-SARB078 ผลิต 900 เรือน และสีเขียว-SARB075 ผลิต 750 เรือน
สถานการณ์ : ในกลุ่ม SNM035 และ 037 กลายเป็นของหายาก แต่ก็ไม่ถึงกับยากมาก และเรายังพบเห็นตามบอร์ดอยู่กับราคาในระดับหมื่นต้นๆ ถึงกลางๆ ส่วน Landmonster ที่ขายในบ้านเรานั้น ดูเหมือนว่าอนาคตจะไม่ค่อยสดใส อาจจะเพราะราคาที่แพง แต่ดันมีบอดี้ที่ดูคล้ายกับ Monster เกินไป ส่วนราคามือ 2 หาได้ในระดับต่ำหมื่น ทั้งที่วางกลไก 6R15
JDM Monster
ในตลาดญี่ปุ่นยังมีการผลิคอีกทางเลือกของ Monster ออกมาขายเพื่อสร้างความแตกต่าง โดดยจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้คือ การใช้ตัวเรือนของ Monster เปลี่ยนหน้าปัด และกลไกใหม่มาเป็น 6R15 และถูกส่งทำตลาดในช่วงแรก 2 รุ่น คือ หน้าดำ SBDC025 และรุ่นหน้าส้ม SBDC023 ก่อนที่จะมีการผลิตรุ่นหน้าฟ้าชึ้นมาเมื่อ 2 ปีที่แล้วในรหัส SZS003
ตัวนาฬิกาได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่กว้างขวางมาก เพราะราคาเทียบเท่ากับนาฬิการุ่นสูงกว่าอย่าง Sumo แต่มีบอดี้แบบเดียวกับ Monster จะรู้สึกดีก็แค่เข็มวินาทีของกลไก 6R15 ที่เดินเนียนและนิ่งกว่า 4R36 และการเก็บพลังงานสำรองที่มากกว่า โดยอยู่ที่ 50 ชั่วโมง
สถานการณ์ : กลายป็นของหายากไปแล้ว เพราะมีข่าวว่า Discontinued ทำให้ไม่สามารถหาได้จากตลาดได้ง่ายเหมือนกับเมื่อก่อน ส่วนราคาของใหม่ตอนนี้ขยับขึ้นหมื่นกลางๆ ถึงปลายๆ ขณะที่ของมือสองราคาเมื่อก่อนอยู่ที่หมื่นต้นๆ แต่ตอนนี้ขยับขึ้นสูงแล้ว อยู่ที่หมื่นกลางๆ ใกล้เคียงกับของใหม่เลย
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/
