Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P นาฬิกาควอตซ์ Chronograph ที่ไม่ควรพลาด

0

การเลือกซื้อนาฬิกาสักเรือน นอกจากราคาที่ได้ สเป็กที่โดน การออกแบบที่เด่นแล้ว การนำสตอรี่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาเชื่อมโยงกับตัวนาฬิกาถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและความจำเป็นอย่างมาก และเรากำลังจะบอกว่าสิ่งที่ Seiko ทำกับ Prospex Speedtimer มีปัจจัยที่กล่าวข้างต้นครบถ้วน และนั่นทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะรุ่น Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P
Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P นาฬิกาควอตซ์ Chronograph ที่ไม่ควรพลาด

  • นาฬิกาควอตซ์ Chronograph Solar รุ่นใหม่ของ Speedtimer

  • มากับสีสันใหม่ 3 สีพร้อมชุดเข็มใหม่และขนาดตัวเรือนที่ใหญ่ขึ้น ทำให้คนข้อมือใหญ่ตัดสินใจง่ายขึ้น

  • ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์จับเวลาแบบ Solar ใช้งานง่ายและมีความเที่ยงตรง

- Advertisement -

ในปีที่แล้ว Seiko เปิดตัวคอลเล็กชั่น Speedtimer ออกมา แน่นอนว่าสวยทั้งรุ่นที่ใช้กลไกจับเวลาอัตโนมัติ และรุ่นที่ใช้กลไกควอตซ์แบบ Solar

โดยเฉพาะรุ่นหลังที่ผมค่อนข้างถูกใจมากแต่ติดอย่างเดียวในเรื่องขนาด จนกระทั่งในปีนี้ เหมือนกับพวกเขาจะรู้ใจก็เลยใจให้ด้วยการเปิดตัว Seiko Prospex Solar Speedtimer รุ่นใหม่ออกมา นอกจากจะมีสีสันใหม่ เข็มแบบใหม่แล้ว พวกเขายังขยายขนาดตัวเรือนเพิ่มขึ้นมาจนอยู่ในระดับที่คนข้อมือใหญ่อย่างผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

การเชื่อมโยงกับเรื่องราวในอดีตถือเป็นแนวทางที่ค่อนข้างได้ผลอยู่เสมอสำหรับผู้ผลิตนาฬิกา แน่นอนว่า ตรงนี้สามารถบิลด์ให้เกิดอารมณ์ร่วมและการตัดสินใจซื้อได้อยู่เสมอ…ถ้าเรื่องราวที่ถูกหยิบยกมาน่าสนใจและโดนใจ Seiko คือ แบรนด์หนึ่งที่เราได้เห็นว่าพวกเขาใช้แนวทาวงนี้อยู่เสมอ

แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนาฬิกาในกลุ่มดำน้ำเสียเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งในปี 2021 พวกเขาได้เปิดตัว Speedtimer ออกมา และมีการเชื่อมโยงเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันเข้าด้วยกัน

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P
Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

จากการพัฒนานาฬิกาจับเวลาในช่วงทศวรรษที่ 1960 เพื่อใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 1964 มาสู่การผลิตนาฬิกาข้อมือคุณภาพสูงที่ได้รับการติดตั้งกลไกอัตโนมัติแบบจับเวลาพร้อมกับระบบคอลัมวีลและคลัตช์แนวดิ่งอย่าง Caliber 6139 ในปี 1969

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นมรดกตกทอดทีนำมาสู่นาฬิกาคอลเล็กชั่นใหม่อย่าง Speedtimer ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2021 และจับให้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่น Prospex โดยนาฬิกาจากคอลเล็กชั่นนี้นอกจากจะมีรุ่นกลไกอัตโนมัติแล้ว ยังมีอีกทางเลือกอย่างรุ่นที่ใช้กลไกควอตซ์แบบ Solar ที่มาพร้อมความเที่ยงตรงในการทำงาน และความสะดวกในการใช้งาน

จริงๆ ผมชอบรุ่นกลไกอัตโนมัตินะเพราะเป็นเวลาแบบจับเวลา 2 วงที่ถูกจริตอย่างมาก แต่สุดท้ายด้วยความต้องการที่อยากได้นาฬิกาควอตซ์แบบจับเวลาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแบบหยิบขึ้นมาปุ๊บใส่ได้เลยปั๊บแล้วชิ่งออกจากบ้านเลย ก็เลยต้องหันมามองที่ Seiko Prospex Solar Speedtimer แทน

แต่ตอนที่รุ่นแรกเปิดตัวออกมานั้น ด้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางระดับ 39 มิลลิเมตร บอกเลยว่าผมตัดตัวเลือกนี้ตกลงไปในทันที แม้ว่าจะชอบหน้าแพนด้ากับหน้าแชมเปญของนาฬิการุ่นนี้มาก

ดังนั้น เมื่อได้เห็นการเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ปี 2022 พร้อมกับการเปิดตัว Seiko Friend คนใหม่อย่างธีรทร บุญมาทัน รวมถึงการได้รับทราบถึงสเป็กของตัวนาฬิกา สิ่งที่แว๊บขึ้นมาในใจคือ ‘งานนี้เราคงจะได้เจอกันสักที’

ในรุ่นใหม่เป็นการต่อยอดจากรุ่นดั้งเดิมที่เปิดตัวในปี 2021 พร้อมความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างด้วยกัน โดยเซ็ตแรกที่ถูกเปิดตัวออกมานั้นจะมีด้วยกัน 3 รุ่น คือ

  • SSC911P สำหรับตลาดโลก หรือ SBDL095 สำหรับตลาดญี่ปุ่น มากับหน้าปัด พื้นเงินและในวงย่อยเป็นสีดำ
  • SSC913P สำหรับตลาดโลก หรือ SBDL097 สำหรับตลาดญี่ปุ่น มากับหน้าปัดพื้นสีน้ำเงิน และพื้นในวงย่อยเป็นสีดำ ส่วนขอบสเกลในจับเวลาในช่วงตำแหน่ง 12-3 นาฬิกาจะเป็นสีแดงในสไตล์ Pepsi
  • SSC915P สำหรับตลาดโลก หรือ SBDL099 สำหรับตลาดญี่ปุ่น มากับหน้าปัดพื้นและพื้นในวงย่อยเป็นสีดำ ส่วนขอบสเกลในจับเวลาในช่วงตำแหน่ง 12-3 นาฬิกาจะเป็นสีแดงในสไตล์ Coke

สีสันเป็นความเปลี่ยนแปลงจุดหนึ่งของนาฬิกาเรือนนี้ และต้องบอกว่า Seiko เลือกใช้คู่สีที่เราอาจจะคุ้นตากันอยู่แล้วในตลาด ทั้งแพนด้า เป๊บซี่ และโค๊ก ซึ่ง 2 แบบหลังนี่เรามักจะเห็นเฉพาะในนาฬิกาดำน้ำ ไม่ค่อยเห็นในกลุ่มนาฬิกาจับเวลาสักเท่าไร

ซึ่งรุ่น SSC913P หรือเป๊บซี่ถือว่ามีความสวยและโดดเด่นอย่างมากกับการเลือกจับคู่สีแดงและน้ำเงิน ซึ่งตัดกันอย่างลงตัวและผมเลือก SSC913P หรือเป๊บซี่ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ สวยและต้องการนาฬิกาหน้าปัดสีน้ำเงินอยู่พอดี

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P
Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

นอกจากสีสันที่เพิ่มขึ้นมา อีกสิ่งที่ต้องบอกว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงคือ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตัวเรือน ซึ่งทุกรุ่นมีขนาดตัวเรือน 41.4 มิลลิเมตร ตรงนี้ถือว่ามีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีขนาดตัวเรือน 39 มิลลิเมตร

แต่ใครที่ชอบรุ่นที่แล้วและอาจจะกลัวว่าจะกางหรือไม่เวลาสวมใส่ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะ Lug to Lug ของนาฬิกาเพิ่มขึ้นนิดเดียวแค่ 0.4 มิลลิเมตรเป็น 45.9 มิลลิเมตร ตัวเรือนผลิตและสายผลิตจากสแตนเลสสตีลที่มีการขัดแต่งอย่างลงตัวและสวยงามแบบเงาสลับด้าน อีกทั้งยังใช้กระจกแบบ Sapphire เหมือนเดิม เป็นทรงโค้งและมีการเคลือบสารกันการสะท้อนแสง

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

ถือว่าสเป็กในเชิงตัวเรือนค่อนข้างลงตัวเลยและเป็นนาฬิกาควอตซ์แบบ Chronograph สำหรับคนที่ต้องการคุณภาพที่แตกต่างและชัดเจนจากนาฬิกาประเภทเดียวกันนี้แต่อยู่ในระดับราคาหมื่นต้นๆ

สำหรับรายละเอียดของตัวนาฬิกาที่เปลี่ยนไป คือ การใช้อินเสิร์ตบนขอบตัวเรือนที่มีสเกลในจับเวลาของ Tachymeter ในช่วงตำแหน่ง 12-3 นาฬิกาเป็นสีแดง ตัดกับขอบที่เหลือซึ่งเป็นสีน้ำเงิน และทีมออกแบบ Seiko ยังเลือกใช้โทนสีนี้กับชุดเข็มและพื้นหน้าปัด

เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น 39 มิลลิเมตรเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของรูปทรงของเข็มชั่วโมงและนาทีซึ่งถูกออกแบบใหม่เป็นแบบทรงแท่งตรง และมีการเคลือบสารเรืองแสงลูมิไบรท์ที่เป็นเอกสิทธิ์ของ Seiko เอาไว้ และพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินเล่นแสงอย่างสวยงาม

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

หน้าปัดย่อยของนาฬิกาจะเป็นแบบ 3 วง ตำแหน่ง 3 นาฬิกาคือวงบอกช่วงเวลาว่าเป็น AM หรือ PM วงที่ 2 ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาเป็นส่วนของการจับเวลาในหน่วยนาทีซึ่งมีสเกลสูงสุด 60 นาที และมีเข็มสีแดงแบบเดียวกับเข็มวินาทีหลักของระบบจับเวลา เพื่อบอกความเชื่อมโยงกันในแง่ของการทำงาน

ส่วนวงสุดท้ายอยู่ในตำแหน่ง 9 นาฬิกา อันนี้เป็นเข็มวินาทีแยก หรือ Small Second ของระบบบอกเวลา ส่วนหน้าต่างสำหรับบอกวันที่ จะอยู่เลยจากหลัก 4 นาฬิกามานิดนึง

ในวงหน้าปัดย่อยตำแหน่ง 6 นาฬิกาคือ จุดที่น่าสนใจและต้องทำความเข้าใจเล็กน้อยก่อนใช้งาน เพราะนอกจากจะใช้ในการจับเวลาแล้ว ในช่วงปกติจะทำหน้าที่เป็นมาตรวัดในการบอกระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่ของกลไก ซึ่งคุณจะมองเห็นตัว E-F ที่อยู่ด้านข้าง

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

ข้อดีของกลไกประเภทนี้คือ ใช้งานง่ายสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนถ่านบ่อยซึ่งแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนที่เรามักจะพูดถึงกันอยู่เสมอด้วย เพราะการใช้ระบบนี้ทำให้อายุของแบตเตอรี่ยาวขึ้น เช่นเดียวกับอายุการใช้งานของนาฬิกาก็นานขึ้นเพราะลดความเสี่ยงในแง่ของการปล่อยให้ถ่ายหมดคากล่องจนสารเคมีในแบตเตอรี่ออกมาเยิ้มแผงวงจร ตรงนี้จะช่วยลดปริมาณการใช้แบตเตอรี่ ทำให้ขยะแบตเตอรี่ลดลง

นอกเหนือกจากสตอรี่-ที่มาของตัวนาฬิกาและรูปลักษณ์ในการออกแบบ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบในนาฬิกาเรือนนี้คือ กลไก หลายคนอาจจะชอบกลไกอัตโนมัติแบบ Chronograph ซึ่งส่วนตัวผมก็ชอบนะ แต่ถ้าเป็นกลไกควอตซ์แบบจับเวลาผมก็ชอบเหมือนกัน

ยิ่งถ้ามาพร้อมกับระบบ Solar หรือการเปลี่ยนแสงอาทิตย์มาเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อเก็บเข้าสู่แบตเตอรี่ที่เป็นแบบ Rechargeable แล้วก็ ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ซึ่งในรุ่นนี้ใช้กลไกในรหัส V192 ที่แฟนๆ Seiko น่าจะคุ้นเคยกันดี

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

อย่างไรก็ตามเมื่อคุณกดปุ่ม Start ในตำแหน่ง 2 นาฬิกาเพื่อให้ระบบจับเวลาทำงาน เข็มนี้จะดีดกลับมาอยู่ที่ตำแหน่ง 0 เพื่อเริ่มต้นการจับเวลา และเมื่อกดปุ่ม Stop ในตำแหน่ง 2 นาฬิกาเพื่อหยุดการจับเวลา พร้อมกับกดปุ่ม Reset ในการเรียกเข็มทั้งหมดของระบบจับเวลากลับมาอยู่ที่ตำแหน่ง 0 เข็มนี้ก็ยังวิ่งกลับมาอยู่ในตำแหน่ง 0 เหมือนเดิม จนกว่าคุณจะกดปุ่ม Reset อีกครั้งเข็ม

ซึ่งเปรียบเสมือนกับการบอกว่ากำลังจะออกจากฟังก์ชั่นการจับเวลาแล้ว เข็มถึงจะกลับมาอยู่ที่ตำแหน่งในการแสดงระดับกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

ส่วนความเที่ยงตรง คือ อีกจุดเพราะเป็นกลไกควอตซ์ ซึ่งในรุ่นนี้มีค่าความเที่ยงตรงอยู่ที่ +/- 15 วินาทีต่อเดือน และมาพร้อมกับระบบป้องกันการชาร์จกระแสไฟฟ้าเกินเข้าสู่แบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อแบตเตอรี่มีกระแสไฟฟ้าเต็มก็จะไม่มีการชาร์จเข้ามาอีก

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

มาถึงบทสรุปของนาฬิกาเรือนนี้ ถ้าถามผมว่าน่าสนใจไหม คำตอบคือ กับช่วงราคาบวกลบสองหมื่นกลางๆ กับสเป็กที่มีอยู่ของตัวนาฬิกาบอกได้เลยว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบนาฬิกาที่มีกลไกจับเวลาและชอบนาฬิกาแบบสปอร์ต Chronograph ขนาดตัวเรือนที่กำลังดี เหมาะกับทุกขนาดข้อมือ

Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

โดยเฉพาะในกลุ่ม 6-6.5 นิ้วที่ผมคิดว่าใส่แล้วสวย เมื่อบวกสตอรี่ของตัวนาฬิกา ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าสำคัญและจำเป็นนะครับสำหรับนาฬิกาสักเรือน กับความสวยที่มาจากการออกแบบ เหตุผลเหล่านี้น่าจะเพียงพอที่จะตัดสินใจเลือก Seiko Prospex Solar Speedtimer เข้ามาอยู่กรุครับ

ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko Prospex Solar Speedtimer SSC913P

  • เส้นผ่านศูนย์กลาง: 41.4 มิลลิเมตร
  • Lug to Lug: 45.9 มิลลิเมตร
  • หนา: 13.3 มิลลิเมตร
  • กระจก:Sapphire ทรงโค้ง เคลือบสารกันการสะท้อนแสงด้านใน
  • กลไก: V192 ควอตซ์ เปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นกระแสไฟฟ้า
  • ความเที่ยงตรง: +/-15 วินาทีต่อเดือน
  • ความจุแบตเตอรี่: อยู่ได้ 6 เดือนเมื่อชาร์จจนเต็มและไม่ได้โดนแสง
  • การกันน้ำ: 100 เมตร
  • ประทับใจ : สตอรี่ การออกแบบ ขนาดที่กำลังดี และกลไกควอตซ์แบบ Solar
  • ไม่ประทับใจ : ไม่มี