นาฬิกาที่ผมแอบมองและเล็งเอาไว้ตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว ในที่สุดก็ได้มาอยู่ในครอบครองจนได้ สำหรับ Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono
Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono ตามฝันสำเร็จกับนาฬิกานักบินฟังก์ชั่นเทพ
-
นาฬิกาในกลุ่มนักบินของ Hamilton ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015
-
ใช้กลไก H-41e ที่เป็นควอตซ์ พร้อมความสามารถในการแสดงเวลาแบบ Worldtime หรือการจับเวลา
-
มีทั้งสายหนัง สายยาง และสายสตีล โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 45,600 บาท
เมื่อเกือบๆ 7 ปีที่แล้ว สมัยที่ผมกำลังวางแผนสร้างเว็บ Ana-Digi.com ขึ้นมา ช่วงนั้นถือว่าผมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของวงการนาฬิกามากถึงมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะต้องการดูเว็บข่าวต่างๆ เช่นเดียวกับมองหาแหล่งข้อมูลเพื่อนำมาใช้ในการทำต้นฉบับ แน่นอนว่านั่นทำให้ผมได้เจอกับนาฬิกาเรือนหนึ่ง…นาฬิกาที่ผมคิดว่าเทพโคตรๆ แม้ว่าจะใช้กลไกควอตซ์ และเวลาผ่านไป จนเมื่อไม่นานมานี้ ในที่สุดผมก็ได้มันมาครอบครอง นอกจากจะตอกย้ำความคิดเดิมในเรื่องความเทพของมัน เจ้า Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono ยังมีความซับซ้อนมากกว่าที่ผมคิดเอาไว้ในตอนแรกเสียอีก
Hamilton เปิดตัว Khaki Aviation Worldtimer Chrono ในปี 2015 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เว็บ Ana-Digi.com จะเริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการประมาณเกือบ 2 ปี และสิ่งที่ตรึงความรู้สึกของผมนั้นไม่ใช่เรื่องของการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก แต่เป็นกลไกควอตซ์รหัส H-41e ของ Hamilton ที่ผมคิดว่า แจ่มและมีลูกเล่นชนิดที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้สามารถดึงดูดความสนใจผมได้
เรื่องของการนำฟังก์ชั่น Worldtimer ที่มีชื่อของเมืองต่างๆ ทั่วโลกทั้ง 24 เขตโซนเวลาวางอยู่รอบ Insert ด้านในตัวเรือนหรือบนขอบตัวเรือนถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในแวดวงนาฬิกา แต่สิ่งที่ผมชอบกลไก H-41e ที่อยู่ใน Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono คือ การที่มันสามารถสลับฟังก์ชั่นในการทำงานได้ เพียงแค่กดปุ่ม Mode ที่อยู่ในตำแหน่ง 10 นาฬิกาของตัวเรือนค้างเอาไว้ 2 วินาที เพื่อสลับฟังก์ชั่นไปมาจากการบอกเวลาที่ 2 มาเป็นการจับเวลา
ในแง่ของการทำงาน นาฬิกาเรือนนี้ไม่ได้รวม 2 ฟังก์ชั่นเอามาโชว์บนหน้าปัดเดียวกันให้ดูเยอะแยะไปหมด แต่คุณสามารถสลับการใช้งานของมันได้ด้วยการทำตามที่บอกข้างต้น และถ้าอยากรู้ว่าในตอนนี้นาฬิกาอยู่ในฟังก์ชั่นไหน นอกจากสังเกตที่เข็มจับเวลาที่จะต้องอยู่ในตำแหน่ง 12 นาฬิกาเมื่ออยู่ในโหมด Chronograph แล้ว ก็ดูจากแถบสีเหลืองสลับดำบนหน้าจอย่อยใกล้ตำแหน่งเลข 2 ที่จะบอกว่านาฬิกาเรือนนี้อยู่ในโหมด Chrono (จับเวลา) หรือ Timer (บอกเวลาทั่วโลก)
Hamilton ออกแบบนาฬิกา Khaki Aviation Worldtimer Chrono ภายใต้การทำงานร่วมกับ Nicolas Ivanoff นักบินผาดโผนที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการต่างๆ ทั่วโลก และยังเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Hamilton ในระหว่างปี 2005-2017 ดังนั้นเชื่อมั่นได้เลยว่านาฬิกาถูกออกแบบและมีฟังก์ชั่นที่เพียบพร้อมตามความต้องการของนักบิน ส่วนดีไซน์ได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่ที่เปิดตัวในปี 2014 อย่าง Khaki Aviation X-Wind ซึ่งรายละเอียดถูกสะท้อนผ่านมายังรูปทรงโดยรวมของตัวเรือน รูปทรงของขอบตัวเรือน (ที่ในรุ่นนี้เป็นแบบจับเวลาถอยหลังและหมุนได้ 2 ทิศทาง) หรือแม้แต่ฟอนต์ตัวเลขบนหลักชั่วโมงในหน้าปัด
สำหรับหน้าปัดของ Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono ต้องบอกเอาไว้ก่อนว่าค่อนข้างรก เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียด ในตำแหน่ง 6 นาฬิกาจะมี Small Second ของเวลาหลัก หน้าปัดตำแหน่ง 10 นาฬิกาจะมี 2 หน้าที่แล้วแต่โหมด ถ้าอยู่ใน Chrono Mode อันนี้จะใช้จับเวลาสูงสุดคือ 120 นาที หรือ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าอยู่ใน Timer Mode จะบอกช่วงเวลากลางวัน หรือกลางคืนของเมืองที่คุณเลือกสำหรับบอกเวลาที่ 2 ไม่ใช่สำหรับเวลาบนเข็มหลัก
อีกสิ่งที่ค่อนข้างงง คือ เข็ม เอาแค่ตรงชุดเข็มหลักก็มีถึง 4 เข็มแล้ว คือ เข็มนาที เข็มชั่วโมง อีก 2 เข็มคือ ถ้าอยู่ใน Chrono Mode จะทำหน้าที่บอกเวลาในส่วนนาที และอีกเข็มเป็นวินาทีสำหรับการจับเวลา แต่ถ้าอยู่ใน Time Mode จะเป็นเข็มบอกเวลาที่ 2 ในส่วนชั่วโมง และบอกว่าเวลาที่ 2 นั้นเป็นของเมืองไหนโดยอ้างอิงชื่อเมืองจากขอบด้านใน
ด้วยการที่ใช้เข็มร่วมกันในการทำงานตรงนี้ผมถือว่าเป็นความท้าทายสำหรับทีมออกแบบเลยก็ว่าได้ เพราะไม่อย่างนั้นสับสนแน่ๆ ซึ่งตอนแรกผมต้องเปิดท่องคู่มือนั่งท่องกันเลยทีเดียว เพราะไม่อย่างนั้นงงมากโดยเฉพาะในเมื่ออยู่ใน Time Mode เพราะไม่รู้ว่าเข็มไหนบอกเวลา เข็มไหนบอกเมือง ซึ่งเอาจริงๆ การดูเวลาที่ 2 บนหน้าปัด ดูยากกว่าการดูเวลาบนนาฬิกาแบบ GMT แท้ๆ เยอะเลย
นาฬิกาเรือนนี้มีการจัดวางปุ่มเหมือนกับนาฬิกาจับเวลาหลายๆ รุ่น คือ มีปุ่ม 2 และ 4 นาฬิกา โดยจะมีการใช้งานที่ต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับโหมดที่ถูกเลือก เช่น ถ้าอยู่ใน Chrono Mode ก็จะทำหน้าที่ Start/Stop และ Reset รวมถึงจับเวลาแบบ Intermediate Time หรือ Pause เข็มเอาไว้แต่เวลาในการจับยังเดินอยู่ แต่ถ้าอยู่ใน Timer Mode จะเป็นปุ่ม +/- สำหรับเลือกเมืองต่างๆ
แต่ปุ่มที่เพิ่มขึ้นมาคือ ตำแหน่ง 10 นาฬิกาที่ถูกเรียกว่าปุ่ม Mode โดยนอกจากหน้าที่ซึ่งผมอธิบายข้างต้นแล้ว เมื่อกดสั้นๆ แบบไม่แช่เอาไว้ มันจะทำหน้าที่ในการบอกเวลาสากลเชิงพิกัด หรือ UTC ต้นทาง ซึ่งคือเวลาเริ่มต้นของอังกฤษในตำแหน่ง 0 เช่น ณ ตอนนี้ เวลาที่กรุงเทพ 10 โมงเช้า เมื่อคุณกดปุ่ม Mode สั้นๆ ก็จะโชว์เวลา UTC อยู่ที่ 03.00 น. หรือตี 3
การใช้งานไม่ยุ่งยากและวุ่นวาย แต่คุณ ‘ต้อง’ นั่งอ่านจากแมนนวล (ผมแนะนำให้อ่าน และดาวน์โหลด PDF ติดตัวเองไว้ในสมาร์ทโฟน โหลดที่นี่) เพื่อทราบว่าแต่ละเข็มแต่ละปุ่มบนตัวนาฬิกามีหน้าที่อะไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โหดและเล่นเอาเหนื่อยกว่านั้นอย่างที่ผมบอกข้างต้นคือ การปรับเซ็ตหลังจากเปลี่ยนถ่าน ซึ่งถึงตรงนี้คุณต้องพึ่งตัวเอง เพราะช่างก็ช่วยไม่ได้
อย่างที่บอกในตอนต้นว่ากลไก H-41e ของ Hamilton คือ ควอตซ์ แน่นอนมันต้องเปลี่ยนถ่านตามอายุการใช้งาน และสิ่งที่ตามมาหลังเปลี่ยนถ่านคือ เข็มและฟังก์ชั่น จะเกิดอาการคลาดเคลื่อนและเล่นเอางงไปหมด อย่างแรกที่จะเจอคือ เข็มต่างๆ ไม่ตรงหน้าปัด หรือรีเซ็ตไม่ตรง
ตรงนี้จัดการไม่ยาก คลายเกลียวเม็ดมะยมมาที่ตำแหน่งตั้งวันที่ 2 (ซึ่งกลไกนี้การตั้งวันที่ก็วุ่นนิดๆ เพราะไม่ใช่แบบ Quick Adjust ที่หมุนแล้วจานวันที่จะหมุน แต่ต้องหมุนเพื่อให้เข็มชั่วโมงหมุนรอบ 2 รอบหน้าปัดหรือ 24 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยน 1 วัน) จากนั้นกดปุ่ม 10 นาฬิกา 1 ครั้ง หากเข็มหรือเพลทอะไรก็ตามหมุน 360 องศาหรือ 1 รอบหน้าปัด แสดงว่าเราอยู่ในการเซ็ตตรงเข็มนั้น จากนั้นก็กดปุ่มในตำแหน่ง 2 หรือ 4 นาฬิกาเพื่อให้เข็มเดินหน้าหรือถอยหลัง เมื่อได้ตรงตามต้องการแล้วก็กดปุ่ม 10 นาฬิกาอีกที ก็จะนำไปสู่การตั้งเข็มต่อไป
เมื่อกดไปเรื่อยๆ สุดท้ายคือ การตั้งจานหมุนเพื่อบอก Mode อันนี้อาจจะค่อนข้างงงนิดๆ เพราะข้างในจะเป็นจานหมุน ไม่ใช่เป็นเข็ม คราวนี้คุณต้องกดปุ่มแช่เพื่อให้แถบสีเหลืองดำหมุนโดยรอบเพื่อไปอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ว่าจะเลือก Chrono หรือ Timer แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น คุณต้องเช็คก่อนการเซ็ตว่าในการใช้งานปกติการระบุฟังก์ชั่นมันตรงกับที่เลือกหรือไม่ ถ้าตรงก็ไม่ต้องไปยุ่ง แต่กรณีผมหลังการเปลี่ยนถ่านคือ ช่องบอก Mode มันสลับกัน คือ พอกดปุ่ม 10 นาฬิกาค้างเอาไว้ ถ้าแถบสีเหลืองไปอยู่ที่ Chrono นาฬิกาดันกลายเป็นการบอกเวลาที่ 2 หรือ Timer ก็เลยต้องปรับให้มาอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง..เมื่อจบก็ปรับเม็ดมะยมไปอยู่ในตำแหน่งเดิมแล้วหมุนเกลียวเพื่อล็อกซะ
แต่ปัญหามันยังไม่หมด….
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาหลังเปลี่ยนถ่านคือ เวลาที่ 2 และเข็มบอกเมืองใน Timer Mode มันไม่ตรงกันเวลาที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับเข็มในหน้าปัดย่อยที่บอก Day/Night ตรงนี้สอดคล้องกับฟังก์ชั่นในกลไก และสิ่งที่เจ๋งของกลไกนี้คือ มันมีการบันทึกในเรื่องของฟังก์ชั่นการออมแสงหรือ DST เช่นเดียวกับการบันทึกเวลาสากลเชิงพิกัด หรือ UTC ลงไปในระบบของกลไก หรือการทำ Programming UTC Time
ด้วยเหตุที่คุณไม่สามารถปรับตั้งเข็มบอกเวลาที่ 2 ได้อิสระเหมือนกับนาฬิกา GMT ทั่วไป ดังนั้น ก็จำเป็นต้องเซ็ตให้เวลาหลักกับเวลาที่ 2 ตามเขตโซนเวลาทั้ง 24 เมืองให้มีความสัมพันธ์กัน นั่นก็เลยทำให้ทุกครั้งที่มีการถอดหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ คุณจะต้องทำการบันทึกเวลา UTC ในกลไกทุกครั้ง
วิธีการคือ คลายเกลียวเม็ดมะยมและดึงมาที่ตำแหน่งตั้งเวลา จัดการตั้งเวลาหลักให้เรียบร้อย จากนั้น กดปุ่มในตำแหน่ง 2 และ 4 นาฬิกาพร้อมกันค้างเอาไว้ 2 วินาที เพื่อเข้าสู่การตั้งเข็ม โดยวิธีสังเกตดูว่ากลไกเข้าสู่โหมดการบันทึกหรือไม่ ดูที่แถบสีเหลืองดำตรงช่องบอก Mode จะมีการสลับกลับไปกลับมาในระหว่างกด 2 ปุ่มค้างเพื่อบอกว่าพร้อมแล้ว
เช่น วันนี้ตามเวลา UTC คือ วันที่ 6 กันยายน 2021 เวลา 20.15 น. หรือ 6/9/2021/20/15 หรือ 03.20 ตามเวลาไทย เมื่อกดปุ่มทั้ง 2 ค้างเอาไว้ จุดแรกที่จะต้องบันทึกคือ หลักสิบของปี ซึ่งไม่ว่าเข็มจะชี้ไปที่ไหน คุณต้องกดปุ่ม 2 หรือ 4 นาฬิกาที่ในตอนนี้ทำให้ที่เป็นปุ่ม +/- ให้มาชี้ที่เลข 2 จากนั้นกดปุ่มที่ 10 นาฬิกาเพื่อบันทึกเมื่อกดเสร็จ เข็มก็จะชี้ไปที่หลักหน่วยของปี ซึ่งคุณก็ต้องกดเพื่อให้ชี้มาที่เลข 1 จากนั้นก็กดปุ่ม 10 นาฬิกาเพื่อบันทึก ระบบก็จะพาไปสู่การเซ็ตเดือน ตามด้วยวันที่ ตามด้วยชั่วโมง และสุดท้ายคือ นาที ซึ่งคุณต้องปรับให้ตรง (ถ้าทำถูกหน้าปัดย่อย Day/Night จะต้องบอกว่าเป็นเวลากลางคืนด้วยตามเวลาข้างบน) แล้วกดปุ่ม 10 นาฬิกาเพื่อบันทึก ซึ่งเมื่อครบแล้ว ก็ดันเม็ดมะยมและขันเกลียวเป็นอันจบพิธี จากนั้นกลไกก็จะจัดการปรับเวลาให้สอดคล้องกับเขตโซนเวลาทั้งหมด
จากนั้นมารีเช็คว่าถูกต้องไหม ด้วยการอยู่ใน Timer Mode แล้วกดปุ่ม 2 หรือ 4 เพื่อเลือกเมืองในการแสดงเวลาที่ 2 ซึ่งถ้าเซ็ตตรง เมื่อเข็มไปตกที่เมืองไหน เวลาก็จะต้องต่างกันตามชั่วโมงที่ต่างกันในเขตโซนเวลานั้นๆ ตามตัวอย่างข้างต้นเวลาหลัก หรือเวลากรุงเทพ คือ 03.15 น.หรือตี 3 เมื่อกดปุ่มเลือกไปที่เมืองโตเกียว (ที่มีเวลาเร็วกว่า 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพ) เวลาที่แสดงผ่านเข็มระบุเวลาที่ 2 หรือเข็มที่มีปลายลูกศรยาว ก็จะต้องอยู่ที่เลข 5 ตามเวลา 05.15 น. (ส่วนเวลาในส่วนนาทีจะใช้ร่วมกับเข็มนาทีหลัก) หรือเมื่อกดปุ่ม 10 นาฬิกาสั้นๆ เวลา UTC ก็จะต้องเป็น 20.15 ถ้าไม่ตรงก็มานั่งไล่กระบวนการบันทึกเวลาใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ
บอกเลยว่า งานนี้ถ้าไม่มีคู่มือ…จบข่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะยุ่งยากและวุ่นวายในการปรับเซ็ต แต่ส่วนตัวผมแล้วถือว่า Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono เป็นนาฬิกาที่เจ๋งมากในแง่ฟังก์ชั่น การเป็น Beater Watch เอาไว้ใส่ลุย หรือการเป็นนาฬิกาติดข้อมือเมื่อคุณต้องเดินทางไปไหนมาไหน (จะแบบเที่ยวทิพย์หรือไม่ทิพย์ก็ตาม)
ตัวเรือนมากับขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 45 มิลลิเมตร และหนา 13 มิลลิเมตร พ่วงด้วย Lug to Lug ที่มีขนาด 52 มิลลิเมตร ดังนั้น พวกข้อมือเล็กที่ต่ำกว่า 6.5 นิ้ว ผมคงต้องบอกว่าอย่าฝืน นอกจากคุณจะชอบจริงๆ เพราะขนาดข้อมือผม 7 นิ้วยังถือว่าเกือบเต็มข้อเลย
ถ้าชอบ…ผมว่าเรื่องความวุ่นวายในการปรับเซ็ต คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แค่นั่งอ่านแมนนวล แป๊บเดียวก็จบแล้ว แต่จุดหลักน่าจะอยู่ที่ว่าคุณกล้าที่จะเอาความชอบเป็นที่ตั้งอันดับแรกในการตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างมากน้อยแค่ไหน เพราะการเป็นกลไกควอตซ์ พร้อมป้ายราคาเริ่มต้นที่ 45,600 บาทกับรุ่นสายหนัง น่าจะทำให้หลายคนลังเลและไม่กล้าที่จะควักเงินจ่ายราคาขนาดนี้เพื่อแลกกับนาฬิกาควอตซ์
ส่วนตัวผม ถ้าเป็นนาฬิกาที่ผมชอบและหลงใหล การเป็นควอตซ์หรือออโต้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากเท่ากับความชอบ ผมขอเลือกใส่นาฬิกาที่ตัวเองชอบ ดีกว่าต้องใส่นาฬิกาที่ไม่ชอบแต่ต้องจ่ายเงินซื้อเพราะความมัวแต่ห่วงเรื่องมูลค่าในตลาดเวลาต้องขายต่อแล้วราคาไม่เจ็บตัว
ถ้าเป็นเช่นนั้น การผจญภัยในโลกแห่งเวลาของผมคงน่าเบื่อแย่เลย
ข้อมูลทางเทคนิค : Hamilton Khaki Aviation Worldtimer Chrono
- เส้นผ่านศูนย์กลาง : 45 มิลลิเมตร
- หนา : 13 มิลลิเมตร
- Lug to Lug : 52 มิลลิเมตร
- ความกว้างขาสาย : 22 มิลลิเมตร
- วัสดุตัวเรือน : สแตนเลสสตีล
- รูปแบบฝาหลัง : ขันเกลียว
- กระจก : Sapphire เคลือบสารกันการสะท้อนแสง
- กลไก : H-41e แบบควอตซ์ แสดงเวลา Worldtime และจับเวลา Chronogrpah
- การกันน้ำ : 100 เมตร
- ประทับใจ : รูปทรงและขนาด / ฟังก์ชั่นของนาฬิกาที่ไม่เหมือนใคร
- ไม่ประทับใจ : รูปแบบของเข็มที่ใช้ร่วมกันของ 2 ฟังก์ชั่นทำให้ดูเวลาลำบาก โดยเฉพาะในการดูเวลาที่ 2
Fanpage : https://www.facebook.com/anadigionline/